
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาชี้ขาด เนสท์เล่ถือสิทธิ์ “เนสกาแฟ” แต่เพียงผู้เดียวในไทย – กลับมาจำหน่ายได้แล้ว คนรัก 3-in-1 เฮ
เมื่อคืนวานนี้ สำนักข่าวฐานเศรษฐกิจรายงานว่า ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งชี้ขาด บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เป็นผู้ถือสิทธิ์เครื่องหมายการค้า “Nescafe” และ “เนสกาแฟ” แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ส่งผลให้บริษัทสามารถกลับมาจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนสกาแฟได้ตามปกติ หลังจากเกิดข้อพิพาททางกฎหมายกับตระกูลมหากิจศิริที่เคยร่วมกันก่อตั้งบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด (QCP) มาด้วยกันเมื่อปี 2533
คำสั่งศาลมีผลตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2568 โดยระบุว่าเนสท์เล่มีสิทธิในการใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวกับสินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้ในประเทศไทยเท่านั้น
ภายหลังคำตัดสิน เมื่อวันที่ 12 เมษายน นางสาวเครือวัลย์ วรุณไพจิตร ผู้อำนวยการบริหารหน่วยธุรกิจ เนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล ประเทศไทย ได้ลงนามในหนังสือแจ้งพันธมิตรทางการค้าทั่วประเทศ ระบุว่า เนสท์เล่สามารถรับคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เนสกาแฟได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทีมงานพร้อมให้บริการอย่างเต็มที่เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจตามปกติ
ทั้งนี้ เนสท์เล่ขอบคุณพันธมิตรและผู้บริโภคที่ให้การสนับสนุนและความเข้าใจในช่วงที่ผ่านมา พร้อมยืนยันความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างยั่งยืน โดยจะเดินหน้าลงทุนเพื่อประโยชน์ของลูกค้า พนักงาน เกษตรกร และพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
การตัดสินดังกล่าวถือเป็นหมุดหมายสำคัญของแบรนด์กาแฟยักษ์ใหญ่ระดับโลก ที่ยืนยันความเป็นเจ้าของสิทธิ์ในตลาดประเทศไทยอีกครั้ง ท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือดในตลาดกาแฟที่มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท
สรุปดราม่าเนสกาแฟ – เนสท์เล่ vs มหากิจศิริ แบบเข้าใจง่าย
– ปี 2533 เนสท์เล่ร่วมทุนกับตระกูลมหากิจศิริ ก่อตั้งบริษัท QCP ผลิต “เนสกาแฟ” ในไทย
– เนสท์เล่รับผิดชอบการตลาด-จัดจำหน่าย ส่วน QCP ถือหุ้นร่วม
– สัญญาร่วมทุนสิ้นสุดลงวันที่ 31 ธ.ค. 2567
– เนสท์เล่ยุติสัญญาโดยอ้างว่าทำตามคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการแล้ว
– แต่ นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ ยื่นฟ้องและขอคำสั่งศาลคุ้มครองชั่วคราว
– วันที่ 3 เม.ย. 2568 ศาลแพ่งมีนบุรีมีคำสั่ง “ห้ามเนสท์เล่ผลิต/จำหน่ายเนสกาแฟในไทย” ชั่วคราว
– เนสท์เล่แจ้งร้านค้าทั่วประเทศว่าหยุดรับคำสั่งซื้อเนสกาแฟตั้งแต่ 4 เม.ย. เป็นต้นไป
– เกิดความกังวลเรื่องกาแฟขาดตลาด-กระทบผู้ค้ารายย่อย ร้านกาแฟ รถเข็น
– เนสท์เล่รับซื้อกาแฟโรบัสต้า 50% ของทั้งประเทศ ทำให้เกษตรกรอาจโดนผลกระทบหนัก
– เนสท์เล่เตรียมยื่นคำร้อง “คัดค้านคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว” โดยด่วo
– กรมการค้าภายในเร่งตรวจสอบห้าง-ร้านทั่วประเทศ ยังไม่พบเนสกาแฟขาดตลาดหรือขึ้นราคา แต่มีแบรนด์อื่นทำโปรโมชั่นแข่ง
– ย้ำให้ร้านค้าติดป้ายราคาชัดเจน หากฝ่าฝืนปรับสูงสุด 10,000 บาท
– วันที่ 12 เม.ย. 2568 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ตัดสินให้เนสท์เล่เป็นเจ้าของสิทธิ์ “เนสกาแฟ” ในไทยแต่เพียงผู้เดียว
เนสท์เล่กลับมารับออร์เดอร์สินค้าได้อีกครั้ง และประกาศเดินหน้าทำธุรกิจในไทยอย่างยั่งยืน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สมชาย แนะ ห้างร้านดึง SME แทน ดันกาแฟไทยสู้ หลังเนสกาแฟจ่อหยุดผลิต
- สรุปดราม่า เนสกาแฟขาดตลาด ศาลห้ามผลิตขาย เนสท์เล่ เตรียมค้าน เกิดอะไรขึ้น
- กาแฟซอง VS กาแฟสด เทียบรสชาติ คาเฟอีน ดื่มแบบไหนได้ประโยชน์