รักชนก แจงเดือด ทำไม ปชช. ตรวจสอบ สตง. ไม่ได้ ใครมีอำนาจบ้าง?

รักชนก ศรีนอก สส. ปชน. โพสต์ตอบคำถามคาใจ ปชช. ปม สตง. ถูกวิจารณ์สนั่น ร่ายคำตอบยาว ทำไมไม่มีใครตรวจสอบองค์อิสระได้
จากกระแสวิจารณ์สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หลังเกิดเหตุอาคารที่กำลังก่อสร้างของหน่วยงานพังถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว โดยมีข้าราชการหลายท่านออกมาแชร์ประสบการณ์ที่ถูก สตง. ใช้อำนาจตรวจสอบงบประมาณต่าง ๆ อย่างแล้งน้ำใจ ทว่าเมื่อเกิดเหตุตึกถล่ม จะมีหน่วยงานไหนบ้างที่สามารถตรวจสอบองค์กรอิสระแบบนี้ได้บ้าง
ล่าสุด (3 เม.ย.) น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์เฟซบุ๊กวิจารณ์ สตง. พร้อมไขข้อสงสัยว่ามีใครบ้างที่มีอำนาจตรวจสอบหน่วยงานนี้ โดยระบุข้อความว่า “อึดอัดไหมคะ?” และตอบคำถามที่คาใจพี่น้องประชาชนเรียงข้อดังนี้
1. คำถามที่อยู่ในใจประชาชนทั้งประเทศตอนนี้คือ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง) เป็นแบบนี้นอกจากวิจารณ์แล้ว ประชาชนทำอะไรได้บ้าง
คำตอบ : ประชาชนทำอะไรไม่ได้เลย และ แม้กระทั่งตัวแทนจากประชาชนโดยตรง อย่าง สส ก็ทำอะไรไม่ได้
2. เพราะอะไร
คำตอบ : คืองี้ ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน + สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ในส่วนคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ที่มาเริ่มจากการสรรหาแล้ว สว. จะเป็นคนโหวตรับรองแต่งตั้ง ในส่วนสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินจะเป็นข้าราชการที่รับนโยบายจากคณะกรรมการอีกที พูดง่ายๆคือสำนักงานจะทำงานแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับแนวทางที่คณะกรรมการวางให้ ซึ่งรัฐธรรมนูญ60 รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง ฉบับคนดีย์ที่มาจากการรัฐประหาร กำหนดให้มีองค์กรอิสระ 5 องค์กร ได้แก่
- คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต)
- ผู้ตรวจการแผ่นดิน
- คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช)
- คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง)
- คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ทั้งหมดนี้จะแต่งตั้งโดย สว ซึ่งไม่ได้มีที่มาจากประชาชน และ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ไม่ได้ให้อำนาจอะไรประชาชนหรือสภาผู้แทนราษฎรสามารถถอดถอนองค์กรอิสระได้เลย (ยกเว้น ปปช ที่ถอดถอนได้ผ่านการเข้าชื่อแล้วส่งผ่านไปยังประธานสภา)
3. ทำไมถอดถอนองค์กรอิสระไม่ได้อะ มันเป็นแบบนี้มาตลอดเลยหรอ
คำตอบ : ไม่ใช่จ้า ในอดีตรัฐธรรมนูญฉบับคนธรรมดา 40/50 ให้อำนาจประชาชนและ สส ถอดถอนองค์กรอิสระได้
เช่น รัฐธรรมนูญ 2540 : สส จํานวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 หรือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 50,000 มีสิทธิเข้าชื่อร้องประธานวุฒิสภา เพื่อให้ สว มีมติถอดถอนบุคคลในองค์กรอิสระออกจากตําแหน่งได้ รัฐธรรมนูญ 2550 : ให้ประชาชนจำนวน 20,000 คนขึ้นไป และ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของสภาผู้แทนราษฎร สามารถยื่นถอดถอนองค์กรอิสระโดยยื่นประธานวุฒิสภา รัฐธรรมนูญ 2560 : ไม่ได้ให้อำนาจประชาชน

4. เอ้า ที่มาก็ไม่ยึดโยงกับประชาชน แถมประชาชนและผู้แทนที่มาจากประชาชนโดยตรงยังไม่สามารถถอดถอนได้อีกหรอเนี่ย
คำตอบ : โอ้ ใช่เลยจ้า
5. อ่าว แล้วแบบนี้ใครจะเป็นคนตรวจสอบองค์กรอิสระ ถ้าทำงานโหลยโท้ยใครจะจัดการ
คำตอบ : ก็นั่นน่ะสิ มันถึงเป็นแบบทุกวันนี้ไง มันไม่ใช่แค่ สตง. ทุกคนลองนึกดู กกต. จัดเลือกตั้งทุกครั้ง มีทุจริตทุกครั้ง มีเรื่องให้ด่าเต็มไปหมดทั้งความไม่โปร่งใสความไม่เป็นกลาง ทุจรตเอื้อประโยชน์บางกลุ่มกันฉ่ำ ทุกคนซึ้งแก่ใจหมด ถามว่าทำไร กกต ได้ไหม ก็ไม่
ศาลรัฐธรรมนูญที่ยุบพรรคตัดสิทธิ์คนที่ประชาชนสนับสนุนมาเป็นว่าเล่น เอาแม้กระทั่งนายกรัฐมนตรีลงจากตำแหน่งก้ทไมาแล้ว ปปชที่มีประเด็นน่าสงสัยว่าไปคุยอะไรกับประธานสภา ปปชที่จ้องเล่นงานแค่บางพรรคบางคน คดีบางพรรคดองไว้เป็นชาติไม่ขยับไม่คืบ
แต่คดีของบางพรรคกลับได้ Fast track แบบทำงานรวดเร็วฉับไว มีใครทำอะไรองค์กรพวกนี้ได้บ้าง คำตอบคือไม่มี นักการเมืองที่ว่าสาระเลว โกงกิน ชาติชั่ว โกหกตระบัตรสัตย์ ก็มีองค์กรเป็นสิบที่มาคอยตรวจสอบ ผิดสอยได้ แถมประชาชนพอเค้ารู้เช่นเห็นชาติ รอบหน้าเค้าก็ไม่เลือกให้มันมาเป็นอีก รับผิดรับชอบทางการเมืองกันไป
แต่องค์กรเหล่านี้ อำนาจล้นฟ้า กำหนดทิศทางความเป็นไปของประเทศได้ กลับไม่มีใครใครตรวจสอบ แถมประชาชนทำอะไรไม่ได้เลย ตึกถล่ม เก้าอี้ตัวละแสนฝักบัวอันละหมื่น ข้าราชการทั่วประเทศทำงานแบบอึดอัดโดนจ้องจับผิดเงินหลักสลึง ท้องถิ่นทำบริการที่ก้าวหน้าตอบสนองประชาชนไม่ได้ ทั้งหมดนี้คือปลายบนยอดสุดที่เราเห็น ซึ่งมันงอกมาจากรากฐานที่ความบิดเบี้ยวของกติกาในสังคม

6. แล้วเราจะทำยังไงกันดี ต้องทนอยู่กันแบบนี้ตลอดไปเลยหรือไง
คำตอบ : คนที่จะตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุดคือ รัฐบาลชุดนี้ จะเอายังไงกับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญกันแน่ การจะทำให้องค์กรอิสระเหล่านี้ ยึดโยงกับประชาชนได้ต้องเริ่มคุยกันตั้งแต่ที่มา กลไกการตรวจสอบ ไปจนถึงการถอดถอน ซึ่งต้องย้ำว่า ที่มาขององค์กรอิสระที่ทำให้ประเทศเป็นแบบนี้ คือ รัฐบาลประยุทธ์ ทุกองค์กรทุกคนถูกสรรหาและถูกเลือกมาโดย สว ที่ประยุทธ์สั่งซ้ายหันขวาหันได้ แน่นอนกว่าตอนนี้ตัวไม่อยู่แล้ว
แต่พิษร้ายที่ทิ้งไว้มันจะกัดกร่อนระบอบประชาธิปไตยและกัดกินประเทศเราให้ถอยหลังลงครองไปเรื่อย ๆ เราจะแก้กันจริง ๆ จัง ๆ ได้หรือยัง
นี่คือโอกาสอันดีที่สุดของรัฐบาล เพราะตอนนี้ประชาชนทั้งประเทศเห็นตรงกันว่าต้องแก้ปัญหา แต่ทุกคนไม่รู้ว่ารากที่แท้จริงของมันคืออะไรกันแน่ ทุกคนจึงได้แต่โฟกัสกับยอดภูเขาน้ำแข็ง แต่เราจะแก้แบบลูบหน้าปะจมูกไม่ได้ เพราะสุดท้ายปัญหาเดิมมันก็จะกลับมากำเริบใหม่อยู่ร่ำไป อยากให้รัฐบาลเพื่อไทยหยิบเอาโอกาสนี้ที่หนองฝีมันกำลังแตก
วิกฤตมันสะท้อนให้เห็นแล้วว่ารัฐราชการที่รวมศูนย์และแข็งตัวมันไม่สามารถตอบสนองต่อปัญหาที่มาอย่างฉับพลันได้
ควรถือเอาโอกาสนี้ยกเครื่องใหญ่ไปเลยทั้งเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ และ การปฏิรูปรัฐราชการ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สส.ไอซ์ ลั่นเสียชาติเกิด ถ้าจะรอแต่พูดในสภา ไม่กังวลถูก “สุชาติ” ฟ้อง
- สุชาติ ฟ้องหมิ่น “รักชนก-สหัสวัต” เรียก 50 ล้าน ปมปูด สปส. ซื้อตึก 7 พันล้าน
- “สุชาติ” ฝากถึง “ไอซ์ รักชนก” อย่าบิดเบือน เล่นการเมืองแบบสกปรก