ถ่ายทอดสด อภิปรายไม่ไว้วางใจ 2568 ดีลแลกประเทศ ฝ่ายค้าน 28 ชั่วโมง

ถ่ายทอดสดประชุมสภาวันนี้ 24 มีนาคม 2568 อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลวันแรก ศึกซักฟอก โดยระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 26 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ กำหนเดไว้ 2 วัน เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป
เรื่องด่วน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ กับคณะ จำนวน 165 คน เป็นผู้เสนอ ฝ่ายค้าน ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล สามารถรับชมไลฟ์สดได้ทาง youtube วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา
เจาะประเด็น อภิปรายไม่ไว้วางใจ 2568 ซักฟอกเดี่ยวนายก ตั้งหัวข้อหลัก “ดีลแลกประเทศ”
- วันอภิปราย: 24-25 มีนาคม 2568 เริ่มเวลา 08:00 น.
- วันลงมติ: 26 มีนาคม 2568 เวลา 10:00 น. (อาจเลื่อนเป็น 27 มีนาคม หากการอภิปรายยืดเยื้อ)
- เวลาอภิปราย: ฝ่ายค้าน 28 ชั่วโมง, ฝ่ายรัฐบาล 7 ชั่วโมง, ประธานสภาฯ 2 ชั่วโมง
ก่อนหน้านี้ฝ่ายค้านต้องการอภิปรายพาดพิงถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ได้ถอนออกไปเหลือแค่ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนเดียว ฝ่ายค้านตั้งข้อกล่าวหาว่านายกรัฐมนตรีขาดคุณสมบัติและความเหมาะสมในการบริหารประเทศ โดยมีประเด็นหลักๆ ไดแก่
- ขาดภาวะผู้นำ, วุฒิภาวะ, ความรู้ความสามารถ และเจตจำนงในการบริหารประเทศ
- ทำลายภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศ
- เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้องมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม
- ขาดความซื่อสัตย์สุจริต, เอาเปรียบประชาชน, และไม่ทำตามนโยบายที่เคยให้สัญญาไว้
- บริหารประเทศล้มเหลวในหลายด้าน, ทั้งการเมือง, เศรษฐกิจ, และสังคม
- ปล่อยปละละเลยการทุจริตคอร์รัปชัน และแต่งตั้งบุคคลที่ไม่เหมาะสม
- ถูกชี้นำจากบุคคลในครอบครัว
สรุปข้อกล่าวหาหลักของฝ่ายค้าน
หมวดหมู่ข้อกล่าวหา | ข้อกล่าวหา/ตัวอย่างเฉพาะ |
---|---|
หัวข้อหลัก | “ดีลแลกประเทศ” (การประนีประนอมผลประโยชน์ชาติเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว/ครอบครัว โดยเฉพาะการกลับมาของทักษิณ ชินวัตร) |
ความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินและการดำเนินนโยบาย | ไม่สามารถดำเนินนโยบายที่แถลงไว้ได้, การบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลว (อัตราการเติบโตต่ำเทียบกับอาเซียน), โครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล |
ข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน | การทุจริตทั่วไปในรัฐบาล, โครงการสถานบันเทิงครบวงจร (ข้อตกลงผลประโยชน์ล่วงหน้า) |
ข้อสงสัยเกี่ยวกับคุณสมบัติและความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรี | ขาดคุณสมบัติ, ขาดความเป็นผู้นำ, ขาดความรู้ความสามารถ, ขาดเจตจำนงในการแก้ปัญหา, เป็น “หุ่นเชิด” ของทักษิณ ชินวัตร |
อิทธิพลของบุคคลในครอบครัวต่อการเมือง | การแทรกแซงทางการเมืองและการบริหารโดยทักษิณ ชินวัตร |
ก่อนหน้านี้ ฝ่ายค้านและรัฐบาลได้ถกเถียงเรื่องเวลาในการอภิปรายอย่างดุเดือด ฝ่ายค้านต้องการเวลา 30 ชั่วโมง ขณะที่รัฐบาลเสนอ 23 ชั่วโมง การเจรจาต่อรองเป็นไปอย่างเข้มข้น ก่อนที่ล่าสุดจะมีมติร่วมกันที่ 28 ชั่วโมงในการอภิปรายของฝ่ายค้าน
เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ฝ่ายต่างๆ ได้ตกลงเงื่อนไขพิเศษ เช่น หากมีการประท้วงมากเกินไปจนฝ่ายค้านใช้เวลาไม่หมด จะต้องให้สิทธิฝ่ายค้านอภิปรายต่อได้ แม้จะเกินเวลาที่กำหนด และสามารถยืดเวลาอภิปรายได้จนถึงหลังเที่ยงคืน
นอกจากนี้ ฝ่ายรัฐบาลขอให้ฝ่ายค้านอภิปรายเฉพาะเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับผลงานของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี หลีกเลี่ยงการพาดพิงบุคคลภายนอกโดยไม่จำเป็น อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านยืนยันว่าไม่สามารถควบคุมเนื้อหาการอภิปรายของแต่ละพรรคได้
จับตา บทพิสูจน์นายกฯ และฝ่ายค้าน
การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ถือเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับนายกรัฐมนตรีในการชี้แจงข้อกล่าวหาต่างๆ และแสดงความสามารถในการบริหารประเทศ ขณะเดียวกัน ก็เป็นบทพิสูจน์ฝ่ายค้านในการทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้น
ประชาชนทั่วประเทศต่างจับตาดูการอภิปรายครั้งนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามผลงานและพฤติกรรมของนักการเมือง และตัดสินใจว่าใครสมควรได้รับความไว้วางใจให้บริหารประเทศต่อไป
ทำความเข้าใจ “อภิปรายไม่ไว้วางใจ” คืออะไร กลไกตรวจสอบรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย
“การอภิปรายไม่ไว้วางใจ” (Censure Debate หรือ No-Confidence Debate) คือกระบวนการที่ฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรนำเสนอญัตติหรือข้อกล่าวหาต่อรัฐบาลหรือรัฐมนตรีรายบุคคล โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อชี้ให้ประชาชนเห็นว่า รัฐบาลหรือรัฐมนตรีมีความผิดพลาดในการบริหารประเทศ ไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง หรือมีพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชัน เมื่ออภิปรายจบลง จะมีการลงมติจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่าจะ “ไว้วางใจ” หรือ “ไม่ไว้วางใจ”
หากรัฐบาลหรือรัฐมนตรีได้รับคะแนนเสียง “ไม่ไว้วางใจ” เกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีอยู่ จะต้องลาออกจากตำแหน่งหรืออาจนำไปสู่การยุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้
ขั้นตอนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
- ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคฝ่ายค้านต้องยื่นญัตติต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยระบุเหตุผลหรือข้อกล่าวหาอย่างชัดเจน
- กำหนดวันอภิปราย หลังจากรับญัตติแล้ว จะมีการหารือกันเพื่อกำหนดวันและเวลาของการอภิปราย ซึ่งโดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 2-4 วัน
- การอภิปรายในสภา ฝ่ายค้านจะนำเสนอข้อกล่าวหาพร้อมหลักฐาน รัฐบาลมีหน้าที่ชี้แจงหรือปกป้องตนเอง โดยมีการกำหนดเวลาอภิปรายไว้อย่างชัดเจน เช่น ฝ่ายค้าน 30 ชั่วโมง รัฐบาล 7 ชั่วโมง เป็นต้น
- การลงมติ หลังอภิปรายเสร็จสิ้น สมาชิกสภาจะลงคะแนนเสียงว่าเห็นด้วยกับฝ่ายค้านหรือไม่ หากเสียงข้างมากเห็นด้วย รัฐบาลหรือรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบทางการเมืองทันที โดยเป็นการยุบสภา เลือกตั้งใหม่
ประเด็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ฝ่ายค้านมักยกมาโจมตี
ประเด็นสำคที่ถูกอภิปรายมักเกี่ยวข้องกับ การบริหารประเทศล้มเหลว เช่น เศรษฐกิจตกต่ำ ปัญหาสังคมไม่ได้รับการแก้ไข หรือการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน การทุจริตคอร์รัปชัน การเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนหรือพวกพ้อง ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตน การแต่งตั้งบุคคลไม่เหมาะสม เช่น แต่งตั้งคนใกล้ชิดที่ไม่มีความรู้ ความสามารถ หรือมีประวัติที่ไม่ดีให้ดำรงตำแหน่งสำคัญ ขาดความโปร่งใส และไม่ซื่อสัตย์สุจริตในการบริหารราชการแผ่นดิน หรือ ขาดวุฒิภาวะและความเหมาะสม โดยเฉพาะผู้นำที่ถูกมองว่าไม่มีภาวะผู้นำมากพอ
ข้อดี-ข้อเสีย ของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
การอภิปรายไม่ไว้วางใจถือเป็นเครื่องมือสำคัญของระบบรัฐสภาในการตรวจสอบรัฐบาล ทำให้รัฐบาลต้องบริหารอย่างระมัดระวัง โปร่งใส และรับผิดชอบ หากรัฐบาลทำผิดพลาดหรือเกิดความเสียหายต่อประเทศ ประชาชนจะได้รับรู้ผ่านการอภิปราย และรัฐบาลอาจถูกบังคับให้ต้องลาออกหรือปรับปรุงการทำงาน
ข้อดี
- เปิดโปงการทุจริตคอร์รัปชันและความผิดพลาดของรัฐบาล
- สร้างความรับผิดชอบทางการเมืองและความโปร่งใสในการบริหารประเทศ
- ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและการรับรู้ของประชาชนเกี่ยวกับการเมือง
ข้อเสีย
- บางครั้งอาจกลายเป็นเวทีทางการเมืองที่มุ่งโจมตีคู่แข่งมากกว่าเสนอแนวทางแก้ปัญหา
- ต้องอาศัยเสียงข้างมากในสภา ทำให้รัฐบาลมีโอกาส “รอด” จากการถูกลงมติไม่ไว้วางใจ หากยังคุมเสียงส่วนใหญ่ได้
- บางครั้งอาจไม่มีผลในทางปฏิบัติ เพราะรัฐบาลอาจยังคงดำรงตำแหน่งต่อไปได้หากยังได้รับความสนับสนุนจากเสียงข้างมาก