นายห้างประจักษ์ชัย โพสต์สั้นๆ หลังคุยโหนกระแส ข้อหาหนักมาก

นายห้าง ประจักษ์ชัย ไหทองคำ เดือด ฟาดกลับคน “ประทุษร้ายชื่อเสียง” ชี้เข้าข่าย “รีดทรัพย์” หลังดราม่า “ลำไย-บอส-โม” จบไม่สวย
วงการลูกทุ่งอินดี้อีสานยังไม่จบ เมื่อนายห้าง ประจักษ์ชัย ไหทองคำ บิ๊กบอสแห่งค่าย ไหทองคำเรคคอร์ด ออกมาเคลื่อนไหวล่าสุดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันพุธที่ 5 มีนาคม 2568 ด้วยข้อความสุดเดือดพร้อมแฮชแท็ก
“#ประทุษร้ายต่อชื่อเสียง เข้าข้อหาฐานรีดทรัพย์”
ทำเอาชาวเน็ตขาเผือกตาลุกวาว จับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เพจดังอย่าง “อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ” ได้นำโพสต์ดังกล่าวมาขยายต่อ ยิ่งทำให้ประเด็นนี้ร้อนแรงขึ้นไปอีก
จากประเด็นนี้ ทำให้ ทนายเจมส์ หรือ นายนิติธร แก้วโต ได้ออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายไทยเกี่ยวกับการกระทำที่เข้าข่ายรีดทรัพย์ โดยระบุว่า
“มีคนสนใจอยากอ่านฎีกาฉบับย่อครับ เพื่อใช้เป็นแนวทางศึกษา แต่คำพิพากษาฎีกาฉบับดังกล่าวนี้ อาจจะใช้ไม่ได้กับกรณีที่เกิดขึ้นเป็นข่าวดังในขณะนี้นะครับ
เนื่องจากข้อเท็จจริงยังไม่ชัดเจนว่า มีการข่มขู่จะเปิดเผยความลับ คลิปลับ เพื่อรีดเอาทรัพย์ หรือเป็นการเสนอเงินให้เอง เพื่อยุติปัญหารักสามเส้า รอดูคำชี้แจงจากคู่กรณีอีกครั้งนะครับ
12685/2558 การขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับซึ่งเป็นองค์ประกอบความผิดตาม ป.อ. มาตรา 338 หมายความว่า การขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยเหตุการณ์ข้อเท็จจริงที่ไม่ประจักษ์แก่บุคคลทั่วไป และเป็นข้อเท็จจริงที่เจ้าของความลับประสงค์จะปกปิดไม่ให้บุคคลอื่นรู้ ดังนี้ ความลับจึงไม่จำเป็นต้องเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือผิดศีลธรรมอันดีของประชาชน หากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงและเจ้าของข้อเท็จจริงประสงค์จะปกปิดไม่ให้บุคคลอื่นรู้ก็ถือว่าเป็นความลับแล้ว
จำเลยมีภริยาอยู่แล้ว แต่จำเลยกับผู้เสียหายสมัครใจมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกันมาประมาณ 1 ปี ข้อเท็จจริงที่จำเลยกับผู้เสียหายมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกันจึงเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจริง
เมื่อเป็นการกระทำที่ผิดศีลธรรมอันดีของประชาชน แสดงว่าผู้เสียหายประสงค์จะปกปิดไม่ให้บุคคลอื่นโดยเฉพาะภริยาจำเลยรู้เรื่องดังกล่าว เรื่องนั้นจึงเป็นความลับของผู้เสียหาย
การที่จำเลยขู่เข็ญผู้เสียหายว่า “หากผู้เสียหายไม่นำเงินจำนวน 20,000 บาท มาให้จำเลยแล้วจำเลยจะนำเรื่องความสัมพันธ์ฉันชู้สาวระหว่างจำเลย ซึ่งมีครอบครัวแล้วกับผู้เสียหายไปเปิดเผยต่อบุคคลอื่น” จึงเป็นการขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับของผู้เสียหาย ครบองค์ประกอบความผิดตาม ป.อ. มาตรา 338 แล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามบทบัญญัติดังกล่าว”
หากอ้างอิงตาม สำนักงานกิจการยุติธรรม ซึ่งอธิบายว่า การประทุษร้ายต่อชื่อเสียง อาจเข้าข่ายความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 338 ซึ่งมีองค์ประกอบความผิด ดังนี้
1. ข่มขืนใจผู้อื่น
- บังคับ ให้ยอม ให้ทรัพย์สิน โดยขู่เข็ญ ว่าจะเปิดเผยความลับ
2. ความลับ
- การเปิดเผย ความลับ นั้นต้องทำให้ผู้ถูกขู่เข็ญ หรือบุคคลที่สาม เสียหาย
3. หวังผลประโยชน์
- ผู้กระทำ ต้องทำไปโดยหวัง ผลประโยชน์ ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน
ตัวอย่างเช่น
นาย ก. ขู่ นาย ข. ว่า หากไม่ยอมจ่ายเงิน 1 ล้านบาท จะนำเรื่องที่ นาย ข. เคยติดคุก ไปเผยแพร่ ในโซเชียลมีเดีย ซึ่งจะทำให้ นาย ข. เสียชื่อเสียง
สำหรับโทษของความผิดฐานกรรโชก รีดเอาทรัพย์ฯ จำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท
อย่างไรก็ตาม การออกมาเคลื่อนไหวของนายห้างประจักษ์ชัยในครั้งนี้ ถูกโยงไปถึงดราม่าความสัมพันธ์สุดวุ่นวายที่เพิ่งเริ่มไปหมาด ๆ ระหว่างลูกทุ่งสาวเบอร์ดัง ลำไย ไหทองคำ, ปุ้ย L.กฮ., แดนเซอร์หนุ่มสุดฮอต บอส มณเฑียร รวมถึงแฟนเก่าของบอสอย่าง โม ที่เป็นกระแสดรม่าก่อนหน้านี้
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ความสัมพันธ์ของ ลำไย, ปุ้ย L.กฮ. และบอส กำลังเป็นที่สนใจของสังคม โมเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบจากดราม่าครั้งนี้ เมื่อลำไยออกมายอมรับว่าเคยคบหากับบอสในช่วงที่เข้าใจผิดว่าบอส ได้เลิกรากับโมแล้ว จนนำไปสู่การเคลียร์ใจและจบลงด้วยการที่โมได้รับเงินชดเชยจำนวน 2 ล้านบาท
ล่าสุด หลังจากเรื่องราวเริ่มซาลง ชาวเน็ตกลับมาจับตาที่ โม อีกครั้ง เมื่อพบว่าบัญชีโซเชียลมีเดียของเธอกลับเงียบผิดปกติ แถมโพสต์เก่า ๆ ที่เคยมี ก็อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย
งานนี้ทำเอาชาวเน็ตอดสงสัยไม่ได้ว่า การลบโพสต์ทั้งหมดของโม มีความนัยยะสำคัญอะไรซ่อนอยู่หรือไม่? หรือว่าจะเป็นไปตามที่หลายคนคาดการณ์ ว่าโมอาจจะได้รับสัญญาบางอย่าง เพื่อแลกกับการยุติบทบาทในดราม่าครั้งนี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- บอส แฉ โม ได้เงินแล้วไม่อยากจบ วางแผนแฉ ลำไย ต่อ กรรชัย งง พูดไม่ตรงกัน
- บอส ยอมรับ โกหกลำไย โสด เลิกกับแฟนแล้ว ตอนนั้น สถานะเรียกลำไยว่าแฟนได้
- ทนายนิด้า แจงเคส ลำไย ไหทองคำ หากคดีขึ้นสู่ศาล ศาลไม่รับฟ้อง เพราะสาเหตุนี้