สุขภาพและการแพทย์

ไขสงสัย กระเทียมแบบไหนดีสุด เลือกซื้อยังไงลูกสวย ปลอดภัย ไร้รา

รู้ก่อนซื้อ กระเทียมไทย-จีน กระเทียมขาว- กระเทียมม่วง ต่างกันยังไง แบบไหนมีประโยชน์มากกว่ากัน พร้อมวิธีสังเกตกระเทียมสดใหม่ ปลอดภัยจากเชื้อรา

เมื่อกล่าวถึงสมุนไพรคู่ครัวไทยแล้วล่ะก็ อันดับแรกที่นึกถึงก็คือ “กระเทียม” เชื่อว่าทุกบ้านต้องมี นอกจากจะเป็นส่วนประกอบของอาหารไทยเกือบทุกชนิด ที่ช่วยเพิ่มกลิ่นและรสชาติให้อาหารอร่อยแล้ว ในกระเทียมยังมีสารสำคัญอย่าง “อัลลิซิน” ซึ่งเป็นสารประกอบที่มีฤทธิ์คล้ายยาปฏิชีวนะ ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยลดคอเลสเตอรอลได้อีกด้วยนะคะ

Advertisements

แต่เคยสงสัยกันไหมคะว่า เวลาเราไปตลาดหรือซูเปอร์มาร์เก็ต ทำไมถึงมีกระเทียมให้เลือกตั้ง 2 สี คือ กระเทียมสีม่วงกับกระเทียมสีขาว แล้วมันต่างกันยังไง เลือกซื้อแบบไหนถึงจะดีกว่ากัน? หลายคนอาจคิดว่ากระเทียมก็เหมือนกันหมด ต่างกันแค่เปลือก แต่จริง ๆ แล้วกระเทียมแต่ละสีก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไปค่ะ ถ้าเราเลือกซื้อให้ถูกประเภท ก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากกระเทียมได้อย่างเต็มที่เลยค่ะ

กระเทียมม่วง vs กระเทียมขาว ต่างกันอย่างไร?

ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ “สี” ของเปลือกค่ะ แต่ความต่างไม่ได้มีแค่สีนะคะ เรื่องของ “รสชาติ” ก็ไม่เหมือนกันด้วยค่ะ

กระเทียมม่วง จะมีรสชาติเผ็ดร้อนและฉุนกว่า เหมาะสำหรับนำไปผัดหรือปรุงอาหารที่ต้องการกลิ่นหอมแรง ๆ ค่ะ แถมกระเทียมม่วงยังมีน้ำน้อยกว่า ทำให้เก็บรักษาได้นานกว่า และที่สำคัญคือมีสาร “อัลลิซิน” มากกว่ากระเทียมขาว ทำให้มีคุณสมบัติในการต้านเชื้อโรคได้ดีกว่าด้วยค่ะฃ

นอกจากนี้ ในกระเทียมม่วงยังมีสาร “โพรพิลีน ซัลไฟด์” หรือแคปไซซิน ที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคและปรสิตต่าง ๆ ได้ดี ช่วยป้องกันหวัด และบรรเทาอาการหวัด เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ คัดจมูก ได้ด้วยนะคะ

กระเทียมขาว จะมีรสชาติเผ็ดไม่มากเท่ากระเทียมม่วง และมีน้ำเยอะกว่าค่ะ ถ้าใครไม่ชอบกระเทียมกลิ่นแรง ๆ หรืออยากทานกระเทียมสด กระเทียมขาวก็เป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ

Advertisements

แต่ข้อเสียของกระเทียมขาวคือ เก็บรักษาได้ไม่นานเท่ากระเทียมม่วง และงอกง่ายกว่าด้วยค่ะ ถ้าจะซื้อกระเทียมขาว ก็ไม่ควรซื้อเยอะเกินไปนะคะ

กระเทียมม่วงกันกระเทียมขาว ต่างกันอย่างไร

กระเทียมไทย vs. กระเทียมจีน ต่างกันยังไง

จะเห็นว่า กระเทียมที่นิยมใช้ทำอาหารในครัวไทยจะมีอยู่ 2 แบบด้วยกัน ซึ่งแต่ละเมนูก็จะใช้แตกต่างกันไป แล้วแต่สูตร แล้วกระเทียมในครัวไทยทั้ง 2 แบบต่างกันไหม แยกยังไง?

กระเทียมไทยและกระเทียมจีนมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในด้านลักษณะภายนอก โดยกระเทียมไทยจะมีหัวและกลีบเล็ก เปลือกสีขาวอมม่วง กลิ่นหอมฉุน รสเผ็ดร้อน และราคาสูงกว่า (ใช้ในส้มตำ แนมลูกชิ้น ของย่าง และอาหารอีสาน)

กระเทียมไทย กลีบเล็ก สีขาว

ในขณะที่กระเทียมจีนจะมีหัวและกลีบใหญ่ เปลือกสีขาว กลิ่นหอมอ่อน รสเผ็ดน้อยกว่า และราคาถูกกว่า ด้วยลักษณะที่แตกต่างกันนี้ ทำให้กระเทียมแต่ละชนิดเหมาะกับการนำไปปรุงอาหารที่แตกต่างกันด้วย โดยกระเทียมไทยเหมาะกับอาหารไทยรสจัดจ้านที่ต้องการกลิ่นและรสกระเทียมโดดเด่น ส่วนกระเทียมจีนเหมาะกับอาหารที่ไม่ต้องการกลิ่นกระเทียมแรง หรือใช้ในปริมาณมาก

กระเทียมจีน ลูกใหญ่ สัขาว

ในด้านประโยชน์ต่อสุขภาพ กระเทียมทั้งสองชนิดมีสารสำคัญคือ “อัลลิซิน” ซึ่งมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อโรค ต้านอนุมูลอิสระ ลดคอเลสเตอรอล และเสริมภูมิคุ้มกัน แม้ว่าบางงานวิจัยจะระบุว่ากระเทียมไทยอาจมีสารอัลลิซินสูงกว่าเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วประโยชน์ต่อสุขภาพของกระเทียมทั้งสองชนิดใกล้เคียงกัน การเลือกใช้กระเทียมจึงขึ้นอยู่กับความชอบ รสชาติอาหารที่ต้องการ และงบประมาณ หากชอบรสจัดจ้านและกลิ่นหอมแรง ให้เลือกกระเทียมไทย แต่หากชอบรสอ่อนโยนและต้องการใช้ปริมาณมาก กระเทียมจีนก็เป็นทางเลือกที่คุ้มค่า

เลือกกระเทียมแบบไหนให้ได้คุณภาพ?

ไม่ว่าเราจะเลือกกระเทียมม่วงหรือกระเทียมขาว สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องเลือกกระเทียมที่สดใหม่และมีคุณภาพดีค่ะ วันนี้มีเคล็ดลับง่าย ๆ ในการเลือกซื้อกระเทียมมาฝากกันค่ะ

วิธีเลือกกระเทียมให้ได้คุณภาพ

  1. ลองบีบเบา ๆ

ลองบีบกระเทียมเบา ๆ ดู กระเทียมที่สดใหม่จะยังมีความชื้นอยู่ เมื่อบีบแล้วจะไม่นิ่มยวบยาบ ถ้าบีบแล้วกระเทียมนิ่ม แสดงว่ากระเทียมเก่าเก็บ ความชื้นน้อยลง ไม่ควรซื้อค่ะ

2. สังเกตเปลือก

หลายคนชอบกระเทียมที่เปลือกสะอาดๆ และเห็นกลีบกระเทียมชัดเจน หรือบางคนถึงขั้นแกะเปลือกกระเทียมออก เพราะคิดว่าจะช่วยลดน้ำหนักและประหยัด จริงๆ แล้วเปลือกกระเทียมไม่ได้หนักขนาดนั้นนะคะ แถมเปลือกกระเทียมนี่แหละค่ะ คือเกราะป้องกันชั้นดีของกระเทียมเลยค่ะ ถ้าเราแกะเปลือกออก จะทำให้กลีบกระเทียมไม่มีอะไรป้องกัน เชื้อโรคและสิ่งสกปรกจากภายนอกก็จะเข้าไปทำลายกระเทียมได้ง่าย ทำให้กระเทียมเสียเร็วนะคะ

3. ดูที่ราก

ลองพลิกดูก้นกระเทียมตรงส่วนรากนะคะ ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่ามีกระเทียม 2 แบบ คือ แบบที่มีรากติดอยู่ กับแบบที่ไม่มีรากเลย กระเทียมที่มีคุณภาพดี มักจะเหลือส่วนของรากไว้บ้าง เพื่อรักษาระดับความชื้นค่ะ ถ้ากระเทียมถูกตัดรากออกไปเยอะเกินไป จะทำให้กระเทียมสูญเสียน้ำ เก็บรักษาได้ยากขึ้น และเหี่ยวง่ายค่ะ

4. ดูความสมบูรณ์

กระเทียมที่ดีต้องมีรูปร่างสมบูรณ์ ไม่มีรอยแตก รอยดำ หรือรอยบุบนะคะ ถ้าเจอกระเทียมที่มีตำหนิพวกนี้ แสดงว่ากระเทียมเริ่มเสียแล้วค่ะ เลือกซื้อกระเทียมที่เปลือกสวยสมบูรณ์ ไม่มีรอยแตก จะช่วยให้เราได้กระเทียมที่สดใหม่และมีคุณค่าทางอาหารครบถ้วนค่ะ

5. เช็กการงอก

หลีกเลี่ยงการซื้อกระเทียมที่เริ่มงอกนะคะ ถึงแม้ว่ากระเทียมงอกจะยังกินได้ แต่พองอกแล้วเนื้อกระเทียมจะแห้ง รสชาติและเนื้อสัมผัสสู้กระเทียมที่ยังไม่งอกไม่ได้ค่ะ ที่สำคัญคือ การที่กระเทียมงอก แสดงว่ากระเทียมนั้นถูกเก็บไว้นานแล้ว เราจะไม่สามารถเก็บกระเทียมงอกไว้ได้นานค่ะ

6. สังเกตหัวกระเทียม

กระเทียมที่เราซื้อส่วนใหญ่จะค่อนข้างแห้ง และมีเปลือกหุ้มหลายชั้น ทำให้มองเห็นคุณภาพข้างในยากค่ะ วิธีสังเกตว่ากระเทียมอ่อนหรือแก่ ให้ดูที่ “จุดเชื่อมต่อตรงหัวกระเทียม” ค่ะ จุดนี้คือส่วนที่ถูกตัดตอนเก็บเกี่ยว ถ้าเรามองดูตรงรอยตัด แล้วเห็นว่ามีเปลือกหลายชั้น และไม่มีรูตรงกลาง แสดงว่ากระเทียมหัวนั้นถูกเก็บเกี่ยวเร็วเกินไป ยังไม่แก่เต็มที่ รสชาติก็จะหอมสู้กระเทียมแก่ไม่ได้ค่ะ แต่ถ้าตรงรอยตัดมีเปลือกบาง ๆ แสดงว่าเป็นกระเทียมที่แก่ได้ที่แล้ว มีคุณค่าทางอาหารและรสชาติดีที่สุดค่ะ

กระเทียมแบบนี้อย่าซื้อ สังเกตง่าย ๆ

หลีกเลี่ยงกระเทียมที่นิ่มยวบยาบเมื่อบีบ มีรอยแตก รอยช้ำ หรือจุดด่างดำบนเปลือก เพราะสัญญาณเหล่านี้บ่งบอกถึงกระเทียมเก่าเก็บ ความชื้นน้อยลง หรือเริ่มเน่าเสียแล้ว กระเทียมที่ไม่มีราก หรือถูกตัดรากออกมากเกินไปก็ไม่ควรซื้อ เพราะอาจสูญเสียความชื้นและเหี่ยวเร็ว

กระเทียมที่ขั้วไม่ดี สีดำ ห้ามซื้อเสี่ยงเชื้อรา

นอกจากนี้ กระเทียมที่เริ่มงอก หรือมีจุดเชื่อมต่อตรงหัวกระเทียมที่เปิดกว้างและมีเปลือกหลายชั้น ก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจเป็นกระเทียมอ่อนที่ยังไม่แก่เต็มที่ หรือกระเทียมเก่าที่คุณภาพลดลง กระเทียมลักษณะเหล่านี้ นอกจากจะรสชาติไม่อร่อยแล้ว ยังอาจเสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อรา และมีคุณค่าทางอาหารลดลงอีกด้วย

หวังว่าเคล็ดลับเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการเลือกซื้อกระเทียมครั้งต่อไปนะคะ ไม่ว่าจะเลือกกระเทียมม่วงหรือกระเทียมขาว ก็อย่าลืมนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้ เพื่อให้ได้กระเทียมที่สดใหม่ มีคุณภาพ และคุ้มค่ากับเงินที่เราจ่ายไปค่ะ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ้างอิง: soha vn

New Nidhikant

จบการศึกษาคณะอักษรศาสตร์ เอเชียศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร นักเขียนสายมูเตลู และนักอ่านไพ่ทาโรต์ โหราศาสตร์ มีความสนใจด้านข่าวการเมือง ศิลปะวัฒนธรรม แฟชั่น และสายดูดวงมูเตลู งานเขียนเน้นเนื้อหาที่เข้าใจง่าย อ่านสนุก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button