เปิดคำพิพากษา กระจ่างสาเหตุ ศาลยกฟ้อง ตู้ห่าว-อดีตเมียตร. คดีฟอกเงิน
![เปิดคำพิพากษา กระจ่างสาเหตุ ศาลยกฟ้อง ตู้ห่าว-อดีตเมียตร. คดีฟอกเงิน](https://thethaiger.com/th/wp-content/uploads/2025/02/209435456.jpg)
เปิดคำพิพากษา กระจ่างสาเหตุ ศาลยกฟ้อง ตู้ห่าว-อดีตเมียตร. คดีฟอกเงิน แต่ไม่รอดคดียาเสพติด
สืบเนื่องจากกรณีศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำพิพากษายกฟ้องนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ “ตู้ห่าว” และ พ.ต.อ.หญิง วันทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ อดีตภรรยาของเขา ในคดีที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการของผับ “จินหลิง” ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นแหล่งค้ายาเสพติดและมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ
คำพิพากษาที่เผยแพร่ออกมาให้สื่อมวลชนระบุว่า คดีนี้สำนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 4 เป็นโจทก์ ฟ้องนายฮวง ไฮ่เท่า จำเลยที่ 1 นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว จำเลยที่ 2 , พ.ต.อ.หญิง วันทนารีย์ กรณ์ชายานันท์” ตำแหน่ง ผกก.ฝ่ายความร่วมมือและกิจการระหว่างประเทศ กองการต่างประเทศ อดีตภรรยาของตู้ห่าว เป็นจำเลยที่ 8 กับพวกรวมกันเป็นจำเลยที่ 1-25
ในความผิดฐานสมคบกันเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดในลักษณะขององค์กรอาชญากรรม , ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และประเภท 4 โดยไม่ได้รับอนุญาต , สมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน
เป็นอั้งยี่มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ , ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับใบอนุญาต , ร่วมกันรับคนต่างด้าวทำงานโดยคนต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตให้ทำงาน และร่วมกันให้เข้า พักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
จากกรณีเมื่อวันที่ 26 ต.ค.65 ตำรวจ บช.น. นำกำลังเข้าตรวจค้นผับ “จินหลิง” ย่านสาทร พบและยึดยาเสพติดประเภท 1 ,2 และ 4 พร้อมอุปกรณ์การเสพหลายรายการ และอาวุธปืน จากการสอบสวนพบเป็นเครือข่ายของกลุ่มทุนจีนสีเทา โดยมีนายตู้ห่าว จำเลยที่ 1 กับพวกจำเลย ร่วมกันกระทำความผิด โดยศาลรวมการพิจารณา 3 สำนวนเป็นคดีเดียวกัน โดยจำเลยที่ 1, 4 และ 5 ขอ กลับคำให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
โจทก์ฟ้องว่า ตั้งแต่เดือน เม.ย.63- 1 พ.ย.65 จำเลยร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์อาชญากรรมข้ามชาติ ร่วมกันกระทำผิดร้ายแรง ได้มาซึ่งทรัพย์สิน มุ่งหมายการอันมิชอบด้วยกฎหมาย โดยจำเลยทั้ง 25 ร่วมกันวางแผน แบ่งหน้าที่กันทำ โดยนำคนกัมพูชามาทำงาน และให้คนจีนมาเที่ยวในแหล่งบันเทิงที่จำเลยร่วมกันเปิด มีการจำหน่ายยาเสพติดให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ มียาเสพติด เมทแอมเฟตามีน , คีตามีน , ไนเมตาซีแพม , โคลนาซีแพม , สารซีเมทิลีน เพื่อการค้า โดยมีการจัดเป็นชุด จำเลยที่ 1-7 , 9-12 , 16 , 17 , 19 และ 21 ร่วมกับพวกที่หลบหนี ร่วมกันจัดหาเงินทุนเพื่อจัดซื้อยาเสพติด สถานที่เสพ สถานที่เก็บยาเสพติด ชักชวนลูกค้าจากต่างประเทศมาเที่ยวและเสพยา
โดยจำเลยกระทำผิดฐานฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน มีการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกว่า 300 ครั้ง เพื่อปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด มีปืนแบลงก์กัน เครื่องกระสุนปืน ร่วมกันเปิดสถานบริการ “จินหลิง” โดยไม่ได้รับอนุญาต และรับคนต่างด้าว 27 คน มาทำงานโดยผิดกฎหมาย
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์นำพยานบุคคลเป็นตำรวจ เจ้าหน้าที่ป.ป.ง.และป.ป.ส.เข้าเบิกความ ว่าช่วงปลายเดือน ก.ย.65 เกิดเหตุนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนเสียชีวิต จากการเสพยาเสพติดที่สถานบริการท็อปวัน ย่านรัชดาภิเษก ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีความเชื่อมโยงกับสถานบริการ จินหลิง จึงเป็นเหตุให้ขอหมายศาลเข้าตรวจค้น เมื่อวันที่ 26 ต.ค.65 พบว่าเป็นสถานบริการที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้าไปเที่ยวเสพยาเสพติด โดยมีการนัดหมายผ่านโปรแกรม WeChat และ telegram มีการดัดแปลงอาคารเป็นห้องคาราโอเกะ 12 ห้อง
พบนักเที่ยวเป็นชาวต่างด้าวส่วนใหญ่เป็นชาวจีนจำนวน 200 คนมีจำนวน 100 คนที่พบปัสสาวะสีม่วงมีคนไทยคนจีนและเมียนมาเป็นพนักงาน พบว่า ตู้ห่าว จำเลยที่ 2 เป็นผู้ครอบครองอาคารจินหลิง โดยพบบัญชีของธนาคารในการชำระเงินค่าบริการและจ่ายค่ายาเสพติด และโอนเข้าบัญชีแถวที่ 1 บัญชีแถวที่ 2 จำนวน 16 บัญชีแถวที่ 3 และแถวที่ 4 ซึ่งบัญชีดังกล่าวมีลักษณะเป็นบัญชีม้า โดยมีบุคคลอื่นทำธุรกรรมแทนชื่อเจ้าของบัญชีและมีการโอนเงินเกี่ยวพันกับร้านท็อปวัน
เห็นว่า ทางนำสืบของโจทก์ที่ว่าจำเลยทั้ง 25 เป็นอั้งยี่และเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาตินั้น โจทก์ไม่ได้แสดงพยานหลักฐานให้เห็นว่า จำเลยทั้ง 25 มีการสั่งการหรือควบคุมการกระทำความผิดในสถานที่ใด ตั้งแต่เมื่อใดถึงเมื่อใด แบ่งหน้าที่กันอย่างไร ได้ความแต่เพียงว่า ก่อนเข้าจับกุม 2 สัปดาห์ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถแฝงตัวเข้าไปภายในร้านจินหลิงได้ จึงต้องขอศาลออกหมายค้นเข้าตรวจค้น พยานหลักฐานในเรื่องการเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติจึงมีน้ำหนักน้อย
ฟังได้ว่าในการตรวจค้นที่ร้านดังกล่าวพบชาวต่างด้าวและยาเสพติด เจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานยึดยาเสพติด ปืนแบลงค์กันและวิทยุสื่อสาร แม้จำเลยที่ 1, 4 และ 5 แม้ให้การรับสารภาพในข้อหานี้ แต่ก็ไม่สามารถลงโทษในความผิดฐานองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติได้
มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำผิดเรื่องการสมคบกันค้ายาเสพติดประเภทที่ 1, 2 และ 4 หรือไม่ เห็นว่า ขณะเข้าตรวจค้นไม่พบ ตู้ห่าว จำเลยที่ 2 อยู่ในที่เกิดเหตุ ที่โจทก์เบิกความว่า ตู้ห่าว เป็นผู้ครอบครองร้านในฐานะผู้เช่า เห็นว่าในทางนำสืบของโจทก์ จำเลยที่ 2 ได้รับโอนเช่าร้านจินหลินเมื่อปี 2562 ในช่วงการระบาดของโรคโควิด 19 จากนายสิทธิกรซึ่งเป็นลูกหนี้มีกำหนดเช่า 3 ปี แทนการชำระหนี้เงินกู้ให้แก่จำเลยที่ 2 ครบกำหนด 3 ปีตามสัญญาเช่าเมื่อปี 2564 อาคารดังกล่าวจึงไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 2 โดยโจทก์ไม่ได้นำตัวนายสิทธิกรมาเบิกความเพื่อให้ทนายความจำเลยที่ 2 ซักค้านอีกด้วย
จำเลยที่ 1 ,4 และ 5 ให้การรับสารภาพว่าเป็นพนักงานภายในร้านจินหลิง ดูแลห้องเก็บสินค้าซึ่งเป็นห้องที่เก็บยาเสพติดนำไปจำหน่ายในห้องคาราโอเกะ ลักษณะของร้านมีลักษณะปกปิด ต้องนัดหมายก่อนถึงเข้าไปเที่ยวได้ และยาเสพติดที่พบมีปริมาณมาก มีเมทแอมเฟตามีน 1,063.314 กรัม และมีเคตามีน 2,709.985 กรัม เป็นอาชญากรรมร้ายแรงส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ และจำเลยที่ 1 , 4 และ 5 ยังมีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองด้วย
จำเลยที่ 5 ยังมีความผิดฐานตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับใบอนุญาต , ร่วมกันรับคนต่างด้าวทำงานโดยคนต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตให้ทำงาน และร่วมกันให้เข้า พักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
ส่วนจำเลยที่ 7 , 11 และ 12 มีความผิดฐานสนับสนุนให้มีการจำหน่ายยาเสพติด สถานที่เก็บยาเสพติด และสถานที่เสพยาเสพติด
โดยจำเลยทั้ง 25 ไม่มีความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน เนื่องจากโจทก์ไม่สามารถบ่งชี้ได้ว่า เงินที่มีการโอนไปมา หลังวันที่ 26 ต.ค.65 เป็นเงินจากการกระทำความผิดค้ายาเสพติดหรือไม่ จึงมีความสงสัยตามสมควร ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยทั้ง 25
พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และ 4 มีความผิด 5 กระทง ฐานร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และประเภท 4 โดยไม่ได้รับอนุญาต ลงโทษจำคุกคนละ 27 ปี 6 เดือน ปรับคนละ 1,790,000 บาท
จำเลยที่ 5 มีความผิด 8 กระทง คงจำคุกเป็นเวลา 28 ปี 12 เดือนปรับ 2,600,000 บาท
จำเลยที่ 7 , 11 และ 12 มีความผิด 4 กระทง ในข้อหาสนับสนุนช่วยเหลือจัดหาสถานที่ในการจำหน่ายยาเสพติดประเภท 1 , 2 และ 4 คงจำคุกคนละ 21 ปี 24 เดือน ปรับคนละ 1,766,66.66 บาท
สรุปเหตุผลที่ศาลยกฟ้องตู้ห่าวและอดีตภรรยา
- พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักไม่เพียงพอ – ศาลเห็นว่า พยานหลักฐานที่อัยการและเจ้าหน้าที่รัฐนำเสนอ ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าตู้ห่าวและอดีตภรรยามีบทบาทในการควบคุมหรือสั่งการให้เกิดการกระทำผิดในผับจินหลิง แม้ว่าจะมีเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสถานบริการดังกล่าวก็ตาม
- ขาดหลักฐานที่ชัดเจนว่าเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ – โจทก์ไม่สามารถแสดงหลักฐานที่ระบุว่ากลุ่มจำเลยมีโครงสร้างการสั่งการเป็นระบบ และมีการแบ่งหน้าที่กันทำงานในลักษณะขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
- สัญญาเช่าและสิทธิ์ครอบครองไม่บ่งชี้ถึงความเกี่ยวข้องโดยตรง – ศาลระบุว่า ตู้ห่าวได้รับสิทธิ์เช่าสถานที่ดังกล่าวจากบุคคลอื่น ซึ่งเป็นลูกหนี้ของเขา และสัญญาเช่าหมดอายุไปก่อนการจับกุม นอกจากนี้โจทก์ไม่สามารถนำบุคคลที่เกี่ยวข้องมาเบิกความเพื่อหักล้างข้ออ้างของจำเลยได้
- หลักฐานเรื่องฟอกเงินไม่แน่นหนาเพียงพอ – แม้จะมีธุรกรรมทางการเงินจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับบัญชีที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น “บัญชีม้า” แต่ศาลเห็นว่าขาดหลักฐานที่สามารถชี้ชัดว่าเงินที่ถูกโอนมานั้นเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดโดยตรง
อย่างไรก็ดี ตู้ห่าว ในฐานะจำเลยที่ 1 ก็ถูกตัดสิน จำคุก 27 ปี 6 เดือน ปรับคนละ 1,790,000 บาท ฐานร่วมกันจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติดประเภท 1, 2 และ 4 โดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมจำเลยที่n 4 อยู่ดี
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ด่วน! ศาลยกฟ้อง ตู้ห่าว-อดีตภรรยา พวก 19 คน พยานหลักฐานไม่มีน้ำหนักพอ
- มหาดไทย ส่งหนังสือตอบกลับ “วัชระ” ปมให้สัญชาติ ตู้ห่าว
- ‘ประยุทธ์’ โต้ปม ‘ตู้ห่าว’ เข้ามาไทยตั้งแต่ปี 54 โยงกับคนบางพรรค