สำนักข่าวบีบีซี รายงาน เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ในแวดวงการช่วยเหลือระหว่างประเทศ รัฐบาลประกาศ พนักงานนับพันคนของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา หรือ USAID จะถูกสั่งพักงานอย่างกะทันหัน ตั้งแต่วันศุกร์นี้เป็นต้นไป
แถลงการณ์จาก USAID ระบุว่า คำสั่งพักงานนี้จะส่งผลกระทบต่อพนักงานที่ได้รับการว่าจ้างโดยตรงทั้งหมด ยกเว้นกลุ่มคนที่ปฏิบัติงานในตำแหน่งที่มีความสำคัญต่อภารกิจ ผู้นำหลัก และโครงการที่ได้รับการยกเว้นเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม ทางหน่วยงานยังไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าตำแหน่งใดบ้างที่จะได้รับผลกระทบ โดยคาดว่าจะมีการแจ้งรายละเอียดให้พนักงานทราบภายในบ่ายวันพฤหัสบดี
การประกาศพักงานครั้งใหญ่นี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักต่อ USAID โดยก่อนหน้านี้ อดีตประธานาธิบดีทรัมป์เคยกล่าวหาว่า USAID ใช้จ่ายเงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย และเรียกร้องให้หน่วยงานปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับนโยบายของเขา ซึ่งนำไปสู่การประท้วงจากพนักงานและสมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรคเดโมแครต ที่ออกมาเตือนว่าการตัดงบประมาณ USAID จะส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คน และบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ
นอกจากนี้ การตัดสินใจของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ที่สั่งระงับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ ก็ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบการช่วยเหลือทั่วโลก โดยหลายประเทศเริ่มได้รับผลกระทบแล้วเช่นกัน
USAID เป็นหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่กว่า 100 ประเทศทั่วโลก มีพนักงานราว 10,000 คน ซึ่งสองในสามทำงานอยู่ในต่างประเทศ ข้อมูลจาก Congressional Research Service ระบุ
USAID ก่อตั้งขึ้นในปี 2504 มีงบประมาณราว 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งคิดเป็นประมาณ 0.6% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ
ล่าสุด USAID ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยระบุว่าจะร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ เพื่อจัดการและชำระค่าเดินทางกลับประเทศให้กับพนักงานที่ประจำการอยู่นอกสหรัฐฯ ภายใน 30 วัน โดยพนักงานที่ได้รับการยกเว้น จะได้รับแจ้งภายในเวลา 15:00 น. EDT (20:00 GMT) ของวันพฤหัสบดี
แถลงการณ์ทิ้งท้ายด้วยข้อความว่า “ขอบคุณสำหรับการรับใช้ชาติ”
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่ากังวลคือ พนักงาน USAID บางส่วนทำงานอยู่ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง ทำให้เกิดความสงสัยว่าพวกเขาจะได้รับการอพยพออกมาได้อย่างไร
มาตรการพักงานครั้งใหญ่นี้เป็นส่วนหนึ่งของการตัดงบประมาณหลายชุด ที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์เริ่มนำมาใช้ตั้งแต่กลับเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนที่แล้ว โดยมีการประสานงานกับ Elon Musk และ “กระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล” ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
หนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการระงับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ คือเฮติ โดยสหประชาชาติเปิดเผยว่าได้รับการแจ้งจากสหรัฐฯ ว่าจะระงับเงินช่วยเหลือ 13.3 ล้านดอลลาร์ที่ส่งไปยังประเทศนั้น อย่างไรก็ตาม ในวันพุธ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกหนังสือยกเว้น โดยอนุญาตให้ความช่วยเหลือ 40.7 ล้านดอลลาร์แก่ตำรวจแห่งชาติเฮติ และภารกิจสนับสนุนความมั่นคงระหว่างประเทศที่ได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติ
ก่อนหน้านี้ ทำเนียบขาวได้ออกแถลงการณ์แสดงรายการโครงการหลายโครงการที่ถูกมองว่าเป็นการ “สูญเสียและการละเมิด” รวมถึงเงินช่วยเหลือ 1.5 ล้านดอลลาร์ให้กับกลุ่ม LGBTQ ในเซอร์เบีย และ 2.5 ล้านดอลลาร์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในเวียดนาม
อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์มองว่าการดำเนินการเพื่อปิด USAID เป็นการ “ยึดอำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” โดยมี Musk มหาเศรษฐีที่ไม่ได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้นำ
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา Marco Rubio นักการทูตระดับสูงของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ขึ้นเป็นหัวหน้า USAID รักษาการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการควบรวม USAID เข้ากับกระทรวงการต่างประเทศ
การปิด USAID โดยสมบูรณ์จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาคองเกรส
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา พนักงาน USAID หลายคนได้รับอีเมลแจ้งว่าพวกเขาถูกพักงานโดยได้รับค่าจ้าง โดยระบุว่าพวกเขาต้อง “พร้อมติดต่อ” ทางโทรศัพท์และอีเมลในช่วงเวลาทำการ แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในอาคารของ USAID
Musk ซีอีโอของ Tesla และ Space X เคยเสนอแนะว่า USAID ควรปิดตัวลงโดยสิ้นเชิง เพราะ “เกินกว่าจะแก้ไขได้”
หลายคนเตือนว่าการปิด USAID จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อประชากรที่เปราะบางทั่วโลก โดยกิจกรรมของ USAID มีตั้งแต่การจัดหาอวัยวะเทียมให้กับทหารที่ได้รับบาดเจ็บในยูเครน ไปจนถึงการเคลียร์ทุ่นระเบิดและควบคุมการแพร่กระจายของอีโบลาในแอฟริกา
ผู้ป่วย HIV ในไนจีเรียรายหนึ่งบอกกับ BBC ว่าเธอและคนอื่นๆ กังวลว่ายาต้านไวรัสฟรีที่ได้รับเงินสนับสนุนจาก USAID จะถูกตัดออก โดยกล่าวว่า “ฉันกลัวจริงๆ ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร… ยาฟรีเหล่านี้สำคัญกับฉันมาก และพวกเราส่วนใหญ่ (ผู้ป่วย HIV) จะมีปัญหาหากมันได้รับผลกระทบ”
พรรคเดโมแครตในวอชิงตัน ดี.ซี. วิพากษ์วิจารณ์การเปลี่ยนแปลง USAID อย่างหนัก โดยเรียกมันว่า “ผิดกฎหมาย” และ “ขัดต่อรัฐธรรมนูญ”
“[USAID] เป็นเครื่องมือนโยบายต่างประเทศที่มีต้นกำเนิดจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งมีความสำคัญในสภาพแวดล้อมทั่วโลกที่อันตรายนี้” Andy Kim สมาชิกวุฒิสภาเดโมแครตจากนิวเจอร์ซีย์กล่าว “การตัด USAID คือการตัดความสามารถของเราในการแข่งขันและรักษาอเมริกาให้ปลอดภัย”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ทรัมป์ เซ็นคำสั่งห้ามนักกีฬาข้ามเพศลงแข่งกับผู้หญิง กดดันโอลิมปิกต่อ
- ไปรษณีย์สหรัฐฯ ประกาศงดรับพัสดุจากจีน หลัง ทรัมป์ สั่งเพิ่มกำแพงภาษี 10%
- เม็กซิโก ย้ำ ราคารถในสหรัฐ จ่อพุ่ง 1 แสนบาท หลังทรัมป์รีดภาษีนำเข้า
ข่าวล่าสุด
