ยังไม่หมด ทรัมป์ สั่งปลดเจ้าหน้าที่ DEI ยกชุด ตอกย้ำเลิกสนับสนุน LGBTQ+
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ สั่งยกเลิกนโยบาย DEI พร้อมถอดถอนเจ้าหน้าที่รัฐผู้รับผิดชอบ แสดงจุดยืนเลิกสนับสนุน LGBTQ+
สร้างเสียงฮือฮาได้อย่างมากมายอีกครั้งสำหรับ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้กลับมาเป็นปราธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐอเมริกา เพราะหลังสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง เขาได้ประกาศนโยบายหลายอย่างออกมา เพื่อให้ความสำคัญกับประเทศของพวกเขาเป็นอันดับหนึ่ง หนึ่งในนั้นคือการสั่งยกเลิก DEI ในหน่วยงานรัฐบาลที่เคยถูกใช้ในยุคของ โจ ไบเดน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของเขาที่จะไม่รับรองเพศทางเลือก ระบุได้แค่เพศชาย หรือ เพศหญิง เท่านั้น
บันทึกที่ออกเมื่อวันอังคารถึงหัวหน้าหน่วยงานและองค์กรต่างๆ กำหนดเส้นตายไม่เกิน 17.00 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกของวันพุธ ให้แจ้งพนักงานว่าจะถูกส่งให้หยุดงานโดยได้รับค่าจ้าง ในขณะที่หน่วยงานต่างๆ เตรียมปิดสำนักงานและโครงการที่เกี่ยวข้องกับ DEI ทั้งหมด รวมถึงลบเว็บไซต์และบัญชีโซเชียลมีเดียของสำนักงานเหล่านั้น
นอกจากนี้ยังขอให้หน่วยงานรัฐบาลกลางส่งแผนเป็นลายลักษณ์อักษรภายในวันที่ 31 มกราคม สำหรับการเลิกจ้างพนักงานเหล่านี้
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามในคำสั่งบริหารเมื่อวันจันทร์ ยุติโครงการ “สุดโต่งและสิ้นเปลือง” ด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการอยู่ร่วมกัน (DEI) ในหน่วยงานรัฐบาลกลาง โดยสั่งให้ปิดสำนักงานและโครงการ DEI ทั้งหมด
แครอไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวในแถลงการณ์เมื่อคืนวันอังคารว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์ได้หาเสียงไว้ว่าจะยุติภัยคุกคามของ DEI จากรัฐบาลกลางของเรา และทำให้อเมริกากลับมาเป็นสังคมที่ยึดความสามารถ ที่ซึ่งผู้คนถูกจ้างงานตามทักษะ ไม่ใช่สีผิว”
“นี่เป็นอีกหนึ่งชัยชนะสำหรับชาวอเมริกันทุกเชื้อชาติ ศาสนา และความเชื่อ สัญญาที่ให้ไว้ได้ถูกทำตามแล้ว”
ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีพนักงานได้รับผลกระทบจำนวนเท่าไร ทำเนียบขาวยังไม่ได้ตอบสนองต่อคำขอความเห็นในทันที
ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งบริหารและการดำเนินการของประธานาธิบดี 46 ฉบับเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งเกี่ยวข้องกับคำมั่นสัญญาหลายประการในการหาเสียง รวมถึงการยุตินโยบายชายแดนยุคไบเดน และการอภัยโทษให้ผู้ก่อจลาจลที่รัฐสภา 6 มกราคม
ก่อนที่ในวันอังคาร เขาได้ลงนามในคำสั่งบริหารที่มุ่งเป้าไปที่แนวปฏิบัติการจ้างงานที่หลากหลายของสำนักงานการบินแห่งรัฐบาลกลาง (FAA) โดยโต้แย้งว่าความคิดริเริ่มดังกล่าวลงโทษ “ชาวอเมริกันที่ทำงานหนักซึ่งต้องการรับใช้ใน FAA แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะพวกเขาขาดความพิการหรือสีผิวที่จำเป็น”
การดำเนินการของทรัมป์ในช่วงวันแรกๆ ของการบริหารสมัยที่สองนี้ เป็นการสานต่อความพยายามที่เขาทำไว้ในช่วงท้ายของสมัยแรก ในปี 2020 เขาได้ลงนามในคำสั่งบริหารห้ามโครงการ DEI ของรัฐบาลกลาง ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ตอบโต้ด้วยการลงนามในการดำเนินการที่มุ่งเสริมสร้างความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ หลังจากเข้ารับตำแหน่งในปี 2021
DEI มีชื่อเต็มว่า “Diversity, Equity and Inclusion” หรือ ความแตกต่าง, ความเท่าเทียม และความมีส่วนร่วม เป็นนโยบายที่เป็นลักษณะแนวคิดระดับองค์กรที่ส่งเสริมการปฏิบัติต่อผู้คนทุกเพศทุกวัยอย่างเท่าเทียม หรือก็คือ นโยบายที่ทำให้กลุ่มคนผู้มีความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติและเพศทางเลือก มีสิทธิและความเท่าเทียมเท่ากับผู้คนในประเทศ
นโยบาย DEI ไม่ได้มีผลแค่ในประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อแนวคิดขององค์กรทั่วทุกมุมโลก รวมไปถึง อุตสาหกรรมเกม และอุตสาหกรรมภาพยนตร์
อย่างไรก็ตาม DEI เองก็มีข้อเสียเองเช่นกัน ไม่วา่จะเป็นปัญหาการลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย การโอนสัญชาติโดยการใช้วิธีลัด การให้สิทธิพิเศษกับกลุ่มทางเลือกมากเกินไป จนทำให้ผู้คนในท้องถิ่นถูกละเลยหรือถูกเลือกปฏิบัติ การถูกกีดกันจากสิทธิที่ตัวเองควรจะได้เหมือนกับคนกลุ่มนี้ และการจุดกระแสความ Woke ให้เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง
แม้ว่าความ Woke จะเป็นเหมือนการสร้างความตื่นรู้ให้กับใคนทุกกลุ่มถึงความเท่าเทียม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเกิดเสียงแตกที่มาพร้อมกับข้อสงสัยในสิ่งอย่างที่เกิดขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมบันเทิง แอนิเมชัน รวมถึง เกม ซึ่งสื่อบางอย่างมีการเปลี่ยนจนกลายเป็นการยัดเยียดแนวคิดความเท่าเทียบแทนที่ความคิดดั้งเดิม จนทำให้เกิดกระแสต่อต้าน
นโยบายการยกเลิก DEI ของทรัมป์นั้นจะถูกใช้กับทุกหน่วยงานรัฐ โดยมีผลทันทีภายใน 60 วัน พร้อมให้ทุกหน่วยแจ้งงบประมาณที่เคยใช้ไปกับนโยบายนี้ รวมไปถึงผลประกอบการที่เกิดขึ้นจากนโยบายนี้ให้ชัดเจนภายในเวลาที่กำหนด พร้อมกัยเน้นย้ำว่า “มนุษย์มีเพียงแค่ 2 เพศเท่านั้น คือ ชาย และ หญิง สิ่งนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้”
อ้างอิง : www.nbcnews.com
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ทรัมป์ ไฟเขียวเปิดทางให้ อีลอน มัสก์ ซื้อหุ้น TikTok ได้ หากต้องการ
- มัสก์ โต้หลังถูกวิจารณ์ทำท่าเคารพนาซี ในพิธีสาบานตน โดนัลด์ ทรัมป์
- ส่องแฟชั่น เมลาเนีย ทรัมป์ พิธีสาบานตน ปลุกกระแสสวมหมวก นำเทรนด์แต่งตัวย้อนยุค