ประวัติ เอ๋ อัจฉรา นางเอกยุค 90 อดีตภรรยา ชาดา ไทยเศรษฐ์ บทบาทไม่ได้มีแค่การแสดง
เกร็ดประวัติน่ารู้ “เอ๋ อัจฉรา” หรือ อัจฉรา ทองเทพ วัย 52 ปี อดีตภรรยา ชาดา ไทยเศรษฐ์ และนางเอกละครจักร ๆ วงศ์ ๆ ชื่อดัง เปิดใจเส้นทางชีวิต จากตำแหน่งรองอันดับ 1 มิสทีนไทยแลนด์ ปี 2535 สู่บทบาทนักธุรกิจ
เอ๋ อัจฉรา ทองเทพ มีผลงานละครมากมาย โดยเฉพาะบทบาทนางเอกคู่ขวัญกับ ปริญญา ปุ่นสกุล แต่ชีวิตต้องพลิกผัน เมื่อเธอป่วยเป็นโรคเอสแอลอี ทำให้ต้องออกจากวงการบันเทิง ทั้งยังเป็นถึงอดีตภรรยาของ ชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เรียกว่าประวัติส่วนตัวของเอ๋ ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย เก็บครบทุกรสทั้งทุกข์ สุข สบาย เสียใจ กลายเป็นอีกหนึ่งตำนานนักแสดงที่มีชีวิตน่าสนใจไม่น้อย
เส้นทางชีวิต “เอ๋ อัจฉรา” ตำนานมิสทีนไทยแลนด์ 2535
อัจฉรา ทองเทพ หรือ เอ๋ อดีตนางเอกละครทางช่อง 7 วัย 52 ปี ปัจจุบันผันตัวเป็นนักธุรกิจ เดิมเป็นชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าสู่วงการบันเทิงจากการประกวดมิสทีนไทยแลนด์ ปี 2535 มีผลงานละครมากมาย และเป็นที่รู้จักจากบทบาทนางเอกคู่ขวัญกับ ปริญญา ปุ่นสกุล
เอ๋ อัจฉรา เข้าสู่วงการบันเทิงจากการประกวดมิสทีนไทยแลนด์ ปี 2535 และคว้าตำแหน่งรองอันดับ 1 มาครอง ก่อนจะมีผลงานละครตามมาอีกหลายเรื่อง จนกลายเป็นนางเอกแถวหน้าของช่อง 7 ทว่า ชีวิตของเธอก็ต้องพบกับจุดพลิกผัน เมื่อเอ๋ทราบภายหลังว่าตนป่วยเป็นโรคเอสแอลอี (SLE) หรือโรคพุ่มพวง ทำให้ต้องออกจากวงการบันเทิง เพื่อรักษาตัว
ในช่วงปี 2550 มีข่าวลือออกมาว่า เอ๋ อัจฉรา เสียชีวิตแล้ว แต่เธอก็ออกมาปฏิเสธข่าว ณ ห้องกำแพงเพชร 2 โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล ลาดพร้าว และยืนยันว่ายังมีชีวิตอยู่
ต่อมาในปี 2557 เธอถูกนำส่งโรงพยาบาลอีกครั้ง เนื่องจากเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบเฉียบพลัน
จากอดีตภรรยา ชาดา ไทยเศรษฐ์ สู่เจ้าของธุรกิจ
ด้านชีวิตส่วนตัว เอ๋ อัจฉรา เคยสมรสกับ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต สส. จังหวัดอุทัยธานี และมีบุตรสาวด้วยกัน 1 คน ชื่อ อัญญิกา ทองเทพ
ปัจจุบัน เธอหย่ากับ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ แล้ว และเปลี่ยนชื่อเป็น เมธิกาญจน์ ทองสมิทธิพัฒน์ พร้อมกับลุยธุรกิจส่วนตัว เกี่ยวกับการก่อสร้าง และเครื่องสำอาง
นอกเหนือจากงานแสดง เอ๋ อัจฉรา เเปิดค่ายมวย ชื่ออัจฉรายิม
ผลงานละครโทรทัศน์ของ “อัจฉรา ทองเทพ”
อัจฉรา ทองเทพ มีผลงานละครโทรทัศน์มากมาย โดยเริ่มต้นจากเรื่อง “ปลาบู่ทอง” ในปี พ.ศ. 2537 และมีผลงานต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
เธอมีผลงานละครทั้งทางช่อง 7 และช่อง 3 โดยละครที่สร้างชื่อเสียงให้กับเธอ ได้แก่ “ปลาบู่ทอง” “วิมานสลัม” “ภูตพิศวาส” “ดอกแก้ว” “มณีนพเก้า” “เมียแต่ง” “จำเลยรัก” “มะปรางข้างรั้ว” “กำนันหญิง” “ไฟรักอสูร” “สามหัวใจ” “รถไฟ เรือเมล์ ลิเก กองถ่าย” “หมอเทวดา” “ขวานฟ้าหน้าดำ” และ “ขิงก็รา ข่าก็แรง”
นอกจากละครโทรทัศน์แล้ว เธอยังมีผลงานภาพยนตร์ เรื่อง “ขรัวโต อมตะเถระกรุงรัตนโกสินทร์” ในปี พ.ศ. 2557 และยังเคยได้รับรางวัลรองอันดับ 1 มิสทีนไทยแลนด์ ปี 1992 (พ.ศ. 2535) ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความสามารถ และความสวยงามของเอ๋อีกด้วย
เล่าหมดเปลือก ชีวิตคู่กับสามีคนแรก ชาดา ไทยเศรษฐ์
เอ๋ อัจฉรา เคยให้สัมภาษณ์กับ สำนักข่าวมติชน เมื่อวันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2567 เล่าพรมลิขิตบันดาลมาพบรักกับ ชาดา ไทยเศรษฐ์ จนสร้างสมชีวิตคู่ยืนยงมานานถึง 13 ปี ที่ไม่เคยทะเลาะหรือผิดใจกัน แม้ในตอนนั้นจะถูกคัดค้านการตัดสินใจจากครอบครัว แต่ยังเชื่อมั่นว่าตนเลือกเส้นทางชีวิตถูกต้องแล้ว
เอ๋ เล่าถึงไลฟ์สไตล์ของอดีตสามี ชาดา ไทยเศรษฐ์ เดิมเป็นคนสมถะติดดิน และเป็นเพียงนักการเมืองท้องถิ่นที่มีชื่อเสียง ก่อนที่ต่อมาจะก้าวเข้าสู่ตำแหน่ง สส.จังหวัดอุทัยธานี รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และกลายมาเป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในสมัยของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ในปี 2567
สมัยก่อน ชาดา สร้างภาพลักษณ์ของตนเองว่าเป็นนักเลงลูกผู้ชายที่ใจดี ไม่เหมือนกับนักเลงทั่วไปที่สังคมไทยนิยามกัน ทำให้เอ๋ตกลงปลงใจเลือกชาดาในวัยหนุ่มเป็นคู่ชีวิต แม้จะรู้ว่าเขาผ่านการมีครอบครัวมาแล้วก่อนหน้านี้
ความเป็นผู้ใหญ่ของ ชาดา ทั้งการรับผิดชอบในหน้าที่การงาน คอยตักกล่าวว่าเตือนเอ๋ แนะนำสิ่งไหนควรไม่ควรและดูแลครอบครัวได้อย่างดีที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ในเวลานั้นอย่างสุดความสามารถ ถึงขนาดที่ เอ๋ ยกให้เขาเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก
จนกระทั่งเข้าปีที่ 14 ของชีวิตคู่ เอ๋ อัจฉรา เริ่มมีอาการป่วยติดเตียง เป็นโรคเอสแอลอี (SLE) หรือโรคพุ่มพวง และยังมีปัญหาเรื่องงาน เรื่องครอบครัว เข้ามารุมเร้าจนท้ายที่สุดเอ๋จึงตัดสินใจหย่ากับชาดา แม้ว่าทั้งคู่จะอยู่ห่างก็ยังคงเป็นห่วงดูแลกันไม่ขาดสายเสมอมา
ดูโพสต์นี้บน Instagram
อ้างอิง : วิกิพีเดีย