ข่าวต่างประเทศ

ดราม่า พบสารปรอท เกินค่ามาตรฐานใน ปลาทูน่ากระป๋อง อาจก่อมะเร็งในคน

พบสารปรอท เกินค่ามาตรฐานใน ปลาทูน่ากระป๋อง ยุโรป อาจก่อมะเร็งในคน องค์กรสิ่งแวดล้อมทางทะเล เรียกร้องให้แบน ทูน่ากระป๋องในโรงพยาบาล โรงเรียน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน องค์กรสิ่งแวดล้อมและผู้บริโภคในฝรั่งเศส แจ้งเตือนเกี่ยวกับ ปลาทูน่ากระป๋อง หลังผลการตรวจสอบล่าสุดพบว่ามีระดับสารปรอทสูงเกินมาตรฐานในทุกตัวอย่าง

Advertisements

Bloom องค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเล และ Foodwatch องค์กรสิทธิผู้บริโภค ได้ทำการวิเคราะห์ปลาทูน่ากระป๋องจำนวนเกือบ 150 กระป๋องจาก 5 ประเทศในยุโรป ได้แก่ เยอรมนี สหราชอาณาจักร สเปน ฝรั่งเศส และอิตาลี

ผลการวิจัยพบว่า 57% ของตัวอย่างมีระดับสารปรอทเกินค่ามาตรฐาน 0.3 ส่วนในล้านส่วน (ppm) ซึ่งเป็นค่าที่ใช้กับปลาชนิดอื่น เช่น ปลาคอด ขณะที่ค่ามาตรฐานสำหรับปลาทูน่ายังคงอยู่ที่ 1 ppm ซึ่งสูงกว่าถึงสามเท่า

ปลาทูน่ากระป๋องในยุโรป กำหนดค่าสารปรอทมาตรฐานอยู่ที่ 1 ppm

ความเสี่ยงต่อสุขภาพจากสารปรอทในอาหาร

สาร เมทิลเมอร์คิวรี ซึ่งเป็นสารปรอทชนิดที่พบในอาหาร ถูกจัดอยู่ในกลุ่มสารที่ “อาจก่อมะเร็งในมนุษย์” โดย องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าสารนี้เป็นอันตรายต่อระบบประสาท โดยเฉพาะในระยะพัฒนาการของสมองในทารกในครรภ์และเด็กเล็ก

ดร.ฟิลิปป์ แกรนด์เจียน ศาสตราจารย์ด้านเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อมจากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นเดนมาร์ก อธิบายในงานแถลงข่าวว่า “สารปรอทเป็นพิษต่อระบบประสาทโดยตรง โดยเฉพาะในช่วงพัฒนาการของสมอง ซึ่งอาจส่งผลต่อความจำ การเรียนรู้ ความสนใจ และทักษะการเคลื่อนไหว”

Advertisements

การบริโภคปลาทูน่าในปริมาณน้อยแต่ต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการสะสมของสารปรอทในร่างกายผ่านกระบวนการที่เรียกว่า การสะสมทางชีวภาพ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมปลาทูน่าถึงมีสารปรอทในระดับสูง เนื่องจากอยู่สูงในห่วงโซ่อาหาร

ปลาทูน่า เป็นปลาที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย โดยเฉพาะโปรตีนและกรดไขมันที่ดีต่อสุขภาพ

สำหรับผลกระทบกับกลุ่มเปราะบาง องค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนว่า การได้รับสารปรอทแม้ในปริมาณเล็กน้อยก็อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์และเด็กเล็ก สารปรอทยังส่งผลต่อระบบประสาท ระบบย่อยอาหาร ระบบภูมิคุ้มกัน รวมถึงปอด ไต ผิวหนัง และดวงตา

ปัจจุบัน สหภาพยุโรปกำหนดค่ามาตรฐานสารปรอทในปลาทูน่าที่ 1 ppm ซึ่งสูงกว่าปลาชนิดอื่นถึงสามเท่า Bloom และ Foodwatch ได้วิจารณ์ว่ามาตรฐานนี้เกิดจากการวิ่งเต้นของอุตสาหกรรมปลาทูน่าในช่วงทศวรรษ 1980-1990 โดยไม่ได้คำนึงถึงสุขภาพของประชาชนอย่างเพียงพอ

Bloom ชี้ว่าในบางพื้นที่ เช่น เซเชลส์ ที่เป็นแหล่งจับปลาทูน่าสำหรับยุโรป มีการตรวจหาสารปรอทเพียง 10 ครั้งต่อปีเท่านั้น และเมื่อปลาทูน่าเข้าสู่ยุโรป การตรวจสอบยิ่งมีจำนวนจำกัด ตัวอย่างเช่น ในฝรั่งเศส มีการสุ่มตรวจปลาทูน่าสดน้อยกว่า 50 ตัวต่อปี และไม่มีการตรวจสอบปลาทูน่ากระป๋องเลย

กระบวนการบรรจุกระป๋องยังเพิ่มความเข้มข้นของสารปรอท ทำให้ระดับสารปรอทในปลาทูน่ากระป๋องเพิ่มขึ้นถึง 2-3 เท่า

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการยุโรป ชี้แจงว่าค่ามาตรฐานดังกล่าวกำหนดขึ้นโดยพิจารณาจากข้อมูลการปนเปื้อนในชีวิตจริง และเน้นหลักการ “ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้” เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ผลิตปฏิบัติตามแนวทางที่เหมาะสม

องค์กร Bloom และ Foodwatch กำลังเรียกร้องให้ลดค่ามาตรฐานสารปรอทในปลาทูน่าลงมาอยู่ที่ 0.3 ppm เท่ากับปลาชนิดอื่น พร้อมทั้งเปิดตัวแคมเปญเรียกร้องให้ซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ เช่น Carrefour, Lidl, และ Aldi ถอนปลาทูน่าที่มีสารปรอทเกินมาตรฐานออกจากชั้นวาง และเพิ่มการแจ้งเตือนผู้บริโภคเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อสุขภาพ

นอกจากนี้ พวกเขายังผลักดันให้มีการแบนปลาทูน่ากระป๋องในสถานที่ที่มีผู้เปราะบาง เช่น โรงพยาบาลและโรงเรียน เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กและผู้หญิงตั้งครรภ์

แนะหญิงตั้งครรภ์ไม่ควรกิน เพราะส่งผลต่อพัฒนาการของลูกในท้อง

อ่านข่าวอื่นๆ

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button