ผู้ประกันตน ม.33-39 รับเงินสงเคราะห์บุตรเพิ่มเป็น 1,000 บาทต่อเดือน สำหรับบุตรอายุแรกเกิดถึง 6 ปี เริ่ม 1 ม.ค. 68 พร้อมปรับเพิ่มให้อัตโนมัติ เช็กข้อมูลได้ที่เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม
สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงานเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรจาก 800 บาท เป็น 1,000 บาท ให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 ที่มีบุตรตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ การปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์อยู่ในกระบวนการขั้นตอนทางกฎหมาย เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยมีกำหนดให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ผู้ประกันตนได้รับเงินก็ต่อเมื่อจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน และต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ยกเว้นบุตรบุญธรรมหรือบุตรซึ่งยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่น
ทั้งนี้ ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิ์สำหรับบุตรที่มีอายุไม่เกิน 6 ปี และได้รับสิทธิ์ครั้งละไม่เกิน 3 คน ตามเงื่อนไขดังนี้
เงื่อนไขผู้ประกันตนรับเงินสงเคราะห์บุตร 1,000 บาท
เมื่อกฎกระทรวงมีผลบังคับใช้ ผู้ประกันตนที่เคยได้รับเงินสงเคราะห์บุตรอยู่แล้ว สำนักงานประกันสังคมจะปรับเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรของเดือนมกราคม 2567 เป็น 1,000 บาท ให้โดยอัตโนมัติ
ในส่วนของผู้ประกันตนที่มีสิทธิขอรับเงินสงเคราะห์บุตรใหม่ จะต้องยื่นแบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกับสำนักงานประกันสังคม ซึ่งทางสำนักงานจะจ่ายเงินสงเคราะห์บุตรของเดือนมกราคม 2568 เป็น 1,000 บาท ให้โดยอัตโนมัติเช่นกัน ทั้งนี้ ผู้ประกันตนสามารถยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนได้ภายใน 2 ปี
หลักฐานที่ยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร
สำหรับผู้ที่ต้องการยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร ต้องเตรียมเอกสารเพื่อนำไปยื่นของรับสิทธิที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขา ยกเว้นสำนักงานใหญ่ในบริเวณกระทรวงสาธารณสุข
1. แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกองทุนประกันสังคม (สปส. 2-01)
2. กรณีผู้ประกันตนเคยยื่นใช้สิทธิแล้วและประสงค์จะใช้สิทธิสำหรับบุตรคนเดิม ให้ใช้หนังสือขอใช้สิทธิบุตรคนเดิมกรณีกลับเข้าเป็นผู้ประกันตน จำนวน 1 ฉบับ
3. กรณีผู้ประกันตนหญิงใช้สิทธิ ต้องแนบสำเนาสูติบัตรบุตร (กรณีคลอดบุตรแฝดให้แนบสำเนาสูติบัตรของคู่แฝดด้วย) จำนวน 1 ชุด
4. กรณีผู้ประกันตนชายใช้สิทธิ
- สำเนาทะเบียนสมรส หรือสำเนาทะเบียนหย่าพร้อมบันทึกแนบท้ายของผู้ประกันตนหรือสำเนาทะเบียนรับรองบุตร หรือสำเนาคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 1 ชุด
- สำเนาสูติบัตรบุตร (กรณีคลอดบุตรแฝดให้แนบสำเนาสูติบัตรของคู่แฝดด้วยจำนวน 1 ชุด)
5. กรณีเปลี่ยนชื่อ หากชื่อสกุลให้แนบสำเนาเอกสารใบเปลี่ยนชื่อ ชื่อสกุลด้วย จำนวน 1 ชุด
6. กรณีผู้ประกันตนต่างชาติขอรับประโยชน์ทดแทนให้ใช้สำเนาบัตรประกันสังคมและสำเนาหนังสือเดือนทาง (passport) หรือสำเนาหนังสือเดินทางชั่วคราวหรือเอกสารรับรองบุคคลที่ทางราชการออกให้ จำนวน 1 ชุด
7. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรกที่มีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ยื่นคำขอ จำนวน 1 ฉบับ ผ่านทางบัญชีธนาคารของผู้ประกันตน 11 ธนาคาร ดังนี้
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
- ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารออมสิน
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
8. เอกสารประกอบการยื่นคำขอฯ ที่เป็นสำเนาให้รับรองความถูกต้องของสำเนาทุกฉบับ และแสดงเอกสารที่เป็นต้นฉบับเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบ กรณีเอกสารหลักฐานสำคัญต่อการพิจารณาเป็นภาษาต่างประเทศให้จัดทำคำแปลเป็นภาษาไทยและรับรองความถูกต้องให้ครบถ้วน
ขั้นตอนการขอรับประโยชน์ทดแทน
1. ผู้ประกันตนต้องกรอกแบบ สปส.2-01 พร้อมลงลายมือชื่อและนำมายื่นที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขา หรือยื่นขอรับทางไปรษณีย์โดยมีหลักฐานครบถ้วน (กรณีผู้ประกันตนยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตรสำหรับบุตร 3 คน ในคราวเดียวกันสามารถใช้แบบคำขอฯ ชุดเดียวกันได้
2. เจ้าหน้าที่ตรวจหลักฐานและพิจารณาอนุมัติ
3. สำนักงานประกันสังคมมีหนังสือแจ้งผลการพิจารณา
4. พิจารณาสั่งจ่าย จ่ายเป็นรายเดือนโดยโอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์ของผู้ขอรับประโยชน์ทดแทน
ขั้นตอนลงทะเบียนเงินสงเคราะห์บุตร ผ่านเว็บไซต์ออนไลน์
1. เข้าเว็บไซต์ประกันสังคม www.sso.go.th
2. กด ‘เข้าสู่ระบบผู้ประกันตน’
3. เลือกระบบ ‘e-Self Service’
4. เลือก ‘ขอรับประโยชน์ทดแทนกองทุนประกันสังคม’
5. เลือก ‘สงเคราะห์บุตร’
6. กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน จากนั้นอัปโหลดเอกสาร
หมดสิทธิรับเงินกรณีสงเคราะห์บุตร เมื่อใด?
ผู้ประกันตนหมดสิทธิรับเงินสงเคราะห์บุตรก็ต่อเมื่อบุตรมีอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์, บุตรเสียชีวิต, ยกบุตรให้เป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่น หรือ ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
หากมีข้อสงสัยต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.sso.go.th และติดต่อได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ จังหวัด สาขาทุกแห่ง หรือที่สายด่วน 1506
ข้อมูลจาก : สำนักงานประกันสังคม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง