นุ๊ก สุทธิดา รักษามะเร็งที่จีน ผลตรวจก้อนเนื้อขนาดใหญ่ขึ้น กระจาย 3 จุด ยกเลิกฉีดแร่ หมอแนะรักษาด้วยเซลล์ต้นกำเนิด เรื่องผ่าตัดยังไม่พร้อม
วันที่ 30 ตุลาคม 2567 นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา เปิดใจถึงอาการป่วยหลังได้รับตำแหน่ง “ทูตกิตติมศักดิ์เพื่อต่อต้านมะเร็งระดับโลก” จากการจับมือของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่สแตมฟอร์ดกว่างโจ และได้เดินทางไปรักษา ‘โรคมะเร็ง’ ที่ประเทศจีน เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา ผลการตรวจพบว่าก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่และกระจายตัวมากขึ้นเป็น 3 จุด จึงไม่สามารถรักษาด้วยการฉีดแร่ตามที่วางแผนไว้ได้
นุ๊กเล่าย้อนว่า 2 – 3 ปีที่แล้ว เคยผ่าตัดนำก้อนมะเร็งที่ไทรอยด์ออกไป แต่มีการลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลืองเพิ่มอีก 16 จุด ซึ่งได้ผ่าออก และรักษาร่วมกับ ‘การกลืนแร่’ ซึ่งจะช่วยให้มะเร็งที่ยังหลงเหลืออยู่หมดไป จากนั้นจึงเข้าสู่ระยะติดตามผล เข้ามาตรวจเลือดทุก 3 เดือน และอัลตราซาวน์เป็นประจำทุก 6 เดือน ทั้งนี้หมอบอกว่าถ้าไม่สบายใจ สามารถผ่าออกได้ แต่เจ้าตัวยังไม่พร้อม
ต่อมาหลังเข้ารับคำปรึกษาที่โรงพยาบาลสมัยใหม่จึงพบมี 2 ทางเลือก คือ การผ่าตัด และการฉีดเซลล์ต้นกำเนิด (สเต็มเซลล์) ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องภูมิตกได้ดี ซึ่งอดีตดาราสาวได้นึกถึงสิ่งที่หมอเคยเตือนว่าคนเป็นมะเร็งภูมิจะตกง่าย และเห็นด้วยว่าเป็นความจริง เพราะเป็นมะเร็งที่คอจึงมีปัญหาเกี่ยวกับศีรษะบ่อย ๆ เช่น ตาบวม หัวปูด บางครั้งก็ได้กลิ่นธูปลอยมา จึงอยากลองฉีดเซลล์ต้นกำเนิด ตั้งความหวังให้เซลล์ในร่างกายแข็งแรงขึ้นและเป็นการชะลออาการต่าง ๆ ด้วย
ส่วนสาเหตุที่บินมารักษาตัวที่ประเทศจีน นุ๊ก สุทธิดาเผยว่า “โก้ ธีรศักดิ์” เป็นคนแนะนำให้ลองมาที่นี่ ตอนแรกเจ้าตัวแค่มาฟังบรรยาย แต่พอได้พูดคุยกับแพทย์เริ่มรู้สึกว่าแนวทางค่อนข้างตรงกับจริต ทำให้อยากเข้ารับการรักษา ต่างจากเมื่อก่อนที่คิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมรับความเสี่ยงต่าง ๆ
ทั้งนี้เธอได้เปรียบเทียบความแตกต่างของหมอที่ประเทศไทยและจีน ระบุว่าหมอไทยให้กำลังใจเก่งมาก มักจะพูดปลอบใจว่ายังอยู่ในโซนที่ควบคุมได้ เพื่อให้คนไข้มีกำังใจสู้ต่อ แต่หมอที่จีนจะบอกข้อมูลตามตรงว่าเรามีจุดเล็ก ๆ ที่ปอดด้วย เชื้อมะเร็งอาจจะลุกลามได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าตัวไม่เคยรู้มาก่อนเลย
อย่างไรก็ตามนุ๊กมองว่าทั้ง 2 ประเทศมีข้อดีคนละแบบ เวลาอัลตราซาวด์หมอที่ไทยก็จะบอกว่า 6 เดือนก้อนโตขึ้นเท่านี้นะ แต่ยังโอเคอยู่ ส่วนหมอที่จีนจะบอกว่าก้อนใหญ่แล้ว อยู่ตรงนี้ ใช้มือคลำดูสิ ซึ่งทำให้รู้สึกใจเสียบ้างเหมือนกัน แต่ก็เป็นเรื่องดีที่จะได้รู้ และรีบดูแลรักษาตัวเอง
สำหรับแผนการรักษาต่อจากนี้ นุ๊กอธิบายว่าตนยังมีภาระต่าง ๆ ทั้งถ่ายละคร และธุรกิจส่วนตัว จึงยังไม่พร้อมที่จะเข้ารับการผ่าตัด
ส่วนถ้าใครถามว่าไม่อยากรีบเอาก้อนนี้ออกไปหรอ? นุ๊กตอบทันทีว่าอยากอยู่แล้ว ไม่มีใครต้องการอยู่กับมะเร็งนาน แต่อยากลองฉีดเซลล์ต้นกำเนิดตามที่หมอแนะนำก่อน ซึ่งบางประเทศเป็นสิ่งถูกกฎหมายแต่ของไทยกฎหมายยังไม่ได้เอื้อให้ทำตรงนี้
เมื่อถูกถามว่าความรุนแรงของมะเร็งที่เป็นอยู่ในระยะไหน นุ๊กสารภาพว่าไม่กล้าถามหมอเนื่องจากมะเร็งไทรอยด์ไม่ได้ดูที่ขนาด แต่นับว่าเป็นมานานหรือยัง ซึ่งเจ้าตัวรู้สึกว่าคำว่า “แก่” เจ็บกว่าการเป็นมะเร็ง เลยไม่อยากรู้คำตอบ ส่วนความถี่ของการฉีดสเต็มเซลล์ หมอแนะนำว่าอย่างน้อยควรฉีดปีละ 1 ครั้ง ราคาที่ประเทศจีนอยู่ที่ 2.5 แสนบาท ประเทศอื่นต้องใช้เงินหลักล้านนี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่นุ๊กเลือกวิธีรักษานี้ที่ประเทศจีน
ทั้งนี้นักร้องสาวได้ยอมรับว่าเริ่มเคาท์ดาวน์ชีวิตตัวเองแล้ว โดยคิดว่าอยากใช้ชีวิตให้เป็นตัวเองที่สุด ไม่ใช่แค่แม่ที่ดีของลูก หรือนักแสดงในละครเท่านั้น แต่ได้ใช้ชีวิตในโค้งสุดท้ายแบบที่อยากเป็น
ส่วนสาเหตุที่คิดแบบนี้เพราะเชื่อในสัจธรรมที่ว่าทุกคนต้องตาย และได้กล่าวประโยคสะเทอนใจว่า “ไม่มีใครรู้สึกถึงความตายได้ชัดเจน เท่าคนที่ความตายอยู่แค่ปลายจมูก” พร้อมเล่าว่ายังจำความรู้สึกตอนฟังผลตรวจครั้งแรกได้ดี ทั้งเหงื่อแตกและขนลุก พอผ่านจุดนั้นมาจึงรู้สึกปลง ผนวกกับมีหลักศาสนาเข้ามายึดเหนี่ยวจิตใจด้วย ไม่ใช่แค่เรา แต่สุดท้ายทุกคนก็ล้วนต้องมีวันสิ้นสุด
รวมถึงพูดถึงปมข่าวสุดช็อกของคุณพ่อ ที่ตรวจพบมะเร็งลำไส้ด้วยเช่นกัน ซึ่งนุ๊กได้ระบุว่าตนและพ่อใช้ชีวิตคล้ายกัน คือทำเหมือนไม่มีโรคนี้อยู่ พร้อมเล่าเรื่องครอบครัวว่าสามีของเธอ ก็รู้สึกผิดเหมือนกัน เนื่องจากไม่เคยรู้ว่าเชื้อมะเร็งยังอยู่ในตัวนุ๊ก ตอนที่จะบินไปจีนเขาจึงถามว่าไปรักษาตัวหรอ
เมื่อกลับมาก็ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่เป็นนุ๊กเองที่ไม่อยากคุยเรื่องนี้ โดยให้เหตุผลว่าอยู่โรงพยาบาลมาหลายวัน ได้ยินคำว่ามะเร็งจนไม่อยากพูดถึงแล้ว บวกกับไม่อยากให้ครอบครัวเครียดด้วย จึงยังไม่พร้อมเล่าอาการให้ใครฟัง
นอกจากอาการต่าง ๆ ของตนเองแล้ว นุ๊กยังได้พูดถึงบทบาททูตต้านมะเร็ง ระบุว่าตอนไปที่จีนได้ไปเยี่ยมผู้ป่วยนมะเร็ง ซึ่งเจ้าตัวได้ให้กำลังใจทุกคนว่า ‘สู้นะ’ แต่ในแววตาสะท้อนให้เห็นความกลัวอยู่ ซึ่งนุ๊กมองว่าไม่ผิดเลยที่จะกลัวหรือกังวล ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะรู้สึก และออกแบบชีวิตที่เหลือของตัวเองว่าจะเข้ารับการรักษาแบบไหน
อีกทั้งเธอยังได้ให้บทเรียนว่า การดูแลหรือใส่ใจตัวเองเป็นเรื่องสำคัญ อย่างก้อนที่คอนุ๊กก็มีมาหลายปีแล้ว แต่ไม่เคยตรวจอย่างละเอียด บางคนอาจจะมองว่าโรคร้ายถ้าไม่ตรวจก็ไม่เจอ จริง ๆ ควรรีบตรวจเพราะถ้าเจอจะได้รักษาทันท่วงที ซึ่งเจ้าตัวได้ส่งกำลังใจ พร้อมซัพพอร์ตให้เชื่อว่ามะเร็งเป็นโรคที่แพ้ความสุข
วันไหนที่รู้สึกดาวน์ก็แค่คิดว่าทำไมคนเป็นมะเร็งต้องเศร้า หรือร้องไห้ทั้งวันด้วย คนที่เป็นโรคไตหรือเบาหวานยังไม่กังวลเลย บางคนไม่ป่วยแต่เสียชีวิตก่อนคนที่เป็นมะเร็งก็มี จึงไม่อยากทำให้ตัวเองและครอื่นเครียด มะเร็งก็คือมะเร็ง บางคนบอกให้เรียก ‘น้องมะ’ จะได้ดูรุนแรงน้อยลง แต่นุ๊กไม่คิดแบบนั้น ก็แค่เรียกชื่อไปเลยทำเหมือนโรคอื่นทั่วไป ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องผิดปกติ.
ภาพจาก : IG @nook_suttida
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ฟังเอาไว้ “สรยุทธ” แชร์วิธีรับมือคนสนิทชวนขายตรง-ยืมเงิน บอกปัดยังไงไม่ให้เสียเพื่อน
- จำได้ไหม 3 ปีก่อน บอสณวัฒน์ เคยช่วย มิสแกรนด์เมียนมา ลี้ภัยจนสำเร็จ
- หมดไฟแล้ว พนง.โคตรคูล ลาหยุดยกออฟฟิศ แจ้งพี่โอ๊ต งานล้นจนต้องขอพัก