หลักธรรมสำคัญส่วนใหญ่ถือกำเนิดขึ้นใน “วันวิสาขบูชา” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “วันเพ็ญเดือนหก” หนึ่งในวันสำคัญที่สุดในปฏิทินพุทธศาสนา เนื่องจากเป็นวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญ 3 ครั้ง ในชีวิตของพระพุทธเจ้า ได้แก่ การประสูติ, การตรัสรู้ และการปรินิพพาน จนเกิดเป็นบทบัญญัติหลักธรรมสำคัญต่าง ๆ ได้แก่ ความกตัญญู, อริยสัจ 4 และความไม่ประมาท ที่กลายมาเป็นรากฐานของคำสอน การใช้ชีวิตแก่มวลมนุษย์และพุทธศาสนิกชนทั่วโลกอีกด้วย
1. การประสูติของพระพุทธเจ้า
เหตุการณ์แรกที่ระลึกถึงในวันวิสาขบูชาคือการประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ โคตมะ ซึ่งต่อมาเป็นพระพุทธเจ้า เจ้าชายสิทธัตถะประสูติประมาณปี 563 ก่อนคริสตกาล ณ สวนลุมพินี ซึ่งปัจจุบันอยู่ในประเทศเนปาล
ตามตำนานพุทธศาสนา พระมารดาของพระองค์ พระนางสิริมหามายา ได้ประสูติพระโอรสขณะเดินทางกลับไปยังบ้านบิดามารดา เป็นที่เชื่อกันว่าพระสิทธัตถะสามารถเดินได้เจ็ดก้าวหลังประสูติ และประกาศว่านี่คือการเกิดครั้งสุดท้ายของพระองค์ เหตุการณ์นี้แสดงถึงการมาถึงของผู้นำทางจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ ผู้ที่จะตรัสรู้และสอนเส้นทางสู่การหลุดพ้นจากทุกข์
เหตุการณ์ การประสูติที่อัศจรรย์
ตามที่ระบุในพุทธประวัติ การประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะเต็มไปด้วยปาฏิหาริย์หลายประการ
1. ความฝันของพระนางสิริมหามายา
- ก่อนที่เจ้าชายสิทธัตถะจะประสูติ พระนางสิริมหามายาฝันเห็นช้างเผือกเข้ามาสู่พระวรกาย ความฝันนี้ถูกทำนายโดยพราหมณ์ว่า พระนางจะประสูติพระโอรสที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งจะกลายเป็นมหาจักรพรรดิหรือพระศาสดา
2. การประสูติในสวนลุมพินี
- พระนางสิริมหามายาประสูติพระโอรสในสวนลุมพินีขณะเดินทางกลับไปยังบ้านบิดามารดา ซึ่งเชื่อกันว่าเกิดขึ้นใต้ต้นสาละ
3. เจ็ดก้าวแรกและดอกบัว
- ทันทีที่ประสูติ เจ้าชายสิทธัตถะทรงเดินเจ็ดก้าว และแต่ละก้าวนั้นมีดอกบัวผุดขึ้น พระองค์ได้ประกาศว่านี่คือการเกิดครั้งสุดท้ายของพระองค์ ซึ่งเป็นสัญญาณถึงการตรัสรู้ในอนาคต
2. การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
ต่อมาคือเหตุการณ์ การตรัสรู้ของเจ้าชายสิทธัตถะ หรือ พระพุทธเจ้า ย้อนกลับไปเมื่อพระชนมายุได้ 29 พรรษา เจ้าชายสิทธัตถะทรงสละราชสมบัติและเริ่มการค้นหาความตรัสรู้ หลังจากการบำเพ็ญทุกรกิริยามาเป็นเวลาหกปี พระองค์ทรงเข้าใจว่าการบำเพ็ญทุกรกิริยาอย่างหนักหน่วงไม่ใช่ทางที่จะตรัสรู้
การตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์
เมื่อพระชนมายุ 35 พรรษา เจ้าชายสิทธัตถะนั่งสมาธิใต้ต้นโพธิ์ ณ พุทธคยา ประเทศอินเดีย โดยปฏิญาณว่าจะไม่ลุกขึ้นจนกว่าจะตรัสรู้ ในระหว่างการนั่งสมาธิ พระองค์ได้เผชิญหน้ากับมาร ผู้เป็นสัญลักษณ์ของกิเลสและความตาย มารพยายามล่อลวงพระองค์ด้วยภาพของสตรีสวยงามและกองทัพที่น่ากลัว แต่พระองค์ยังคงมีสมาธิ
ด้วยการนั่งสมาธิอย่างลึกซึ้งและการตรัสรู้ที่เป็นองค์รวม พระองค์บรรลุความตรัสรู้ในคืนวันเพ็ญเดือนหก พระองค์ทรงเข้าใจถึง “อริยสัจ 4” ซึ่งเป็นรากฐานของคำสอนในพุทธศาสนา
ทุกข์ : ชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์ ความไม่พึงพอใจ และความไม่เที่ยงแท้
สมุทัย : เหตุแห่งทุกข์คือกิเลสและการยึดมั่น
นิโรธ : การสิ้นสุดของทุกข์สามารถเกิดขึ้นได้โดยการละกิเลสและการยึดมั่น
มรรค : ทางสู่การดับทุกข์คือ “มรรคมีองค์ 8” ซึ่งประกอบด้วย ความเห็นชอบ ความดำริชอบ การพูดชอบ การทำชอบ การเลี้ยงชีพชอบ ความพยายามชอบ ความระลึกชอบ และความตั้งมั่นชอบ
ความสำคัญของการตรัสรู้
การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าเป็นตัวอย่างที่สำคัญสำหรับชาวพุทธทั่วโลก แสดงให้เห็นว่าการตรัสรู้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่ปฏิบัติตามธรรมะและมรรคมีองค์ 8 เหตุการณ์นี้ถูกระลึกถึงในเทศกาลวิสาขบูชา ซึ่งเป็นวันที่ชาวพุทธจะรำลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าและพยายามปฏิบัติตามเส้นทางสู่การตรัสรู้
3. การปรินิพพานของพระพุทธเจ้า
หลังจากสอนธรรมะมาเป็นเวลา 45 ปี พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานเมื่อพระชนมายุ 80 พรรษา ณ เมืองกุสินารา ประเทศอินเดีย การปรินิพพานเกิดขึ้นในวันเดียวกับวันที่พระองค์ประสูติและตรัสรู้ ทำให้วงจรชีวิตของพระองค์สมบูรณ์ ก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระองค์ได้ทรงสอนธรรมะครั้งสุดท้ายและทรงแนะนำสาวกให้ยึดมั่นในธรรมะและวินัยเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต พระองค์ตรัสคำสุดท้ายว่า “สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจงยังประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด”
คำสอนสุดท้าย
คำสอนสุดท้ายของพระพุทธเจ้า ซึ่งบันทึกในพระสูตรมหาปรินิพพาน พระองค์ทรงแนะนำพระสาวกว่า “จงเป็นที่พึ่งแห่งตน” และยึดมั่นในธรรมะเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต พระองค์ทรงตรัสคำสุดท้ายว่า
“สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจงยังประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด”
คำสอนนี้สรุปหลักการปฏิบัติของพุทธศาสนา โดยเน้นถึงความไม่ยั่งยืนของสรรพสิ่งและความสำคัญของการปฏิบัติธรรมอย่างตั้งใจ
การปรินิพพาน
ในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ พระพุทธเจ้าทรงประทับนอนระหว่างต้นสาละในสวนมาลาของมัลละราชวงศ์ ณ กรุงกุสินารา พระองค์ทรงเสด็จดับขันธปรินิพพาน เข้าสู่สภาวะที่พ้นจากการเกิดและการตาย ไม่มีความทุกข์ทางกายและใจเหลืออยู่ พระสาวกได้นำพระบรมศพไปถวายพระเพลิง และแบ่งพระบรมสารีริกธาตุไปประดิษฐานตามสถูปในเมืองต่าง ๆ