ประวัติ “เชฟเคอร์” รองแชมป์ เฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์ ซีซั่น 1 ดีกรีไพรเวทเชฟ
รู้จักที่มาชีวิต เชฟเคอร์ อายุ 30 ปี คนรักอาหาร สู้สุดใจจนคว้ารองแชมป์ Hell’s Kitchen Thailand
ในโลกของการทำอาหารที่เต็มไปด้วยความเข้มข้นและการแข่งขันที่ดุเดือด เชฟเคอร์ หรือ ณัฐศิมาภรณ์ หลักไชย ได้กลายเป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันที่มีผู้ชมติดตามและส่งแรงใจเชียร์อย่างล้นหลามในรายการ เฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์ (Hell’s Kitchen Thailand) ด้วยวัยเพียง 30 ปี เธอได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่ไม่ธรรมดา และความมุ่งมั่นที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ อย่างไม่ย่อท้อ
ประวัติ เชฟเคอร์ ดาวเด่นแห่ง Hell’s Kitchen Thailand
เชฟเคอร์ ไม่เพียงแต่เป็นเชฟผู้มีฝีมือในการทำอาหาร แต่ยังเป็นนักเรียนที่มีความรู้และประสบการณ์จากการเรียนที่สถาบัน Le Cordon Bleu สาขาปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสถาบันการสอนการทำอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก
หลักสูตร กร็องด์ ดิโปลม (Grand Diplôme) ที่เธอสำเร็จการศึกษามานั้น เป็นหลักสูตรที่ครอบคลุมทั้งการประกอบอาหารคาว (The Cuisine Diploma) และอาหารหวาน (The Patisserie Diploma) ทำให้เธอมีทักษะในการสร้างสรรค์เมนูหลากหลายและมีความชำนาญในทุกระดับของการทำอาหาร
ในปัจจุบัน เชฟเคอร์ดำรงตำแหน่ง Private Chef หรือ เชฟส่วนตัวอิสระโดยใช้ความสามารถและความรู้ที่ได้จาก Le Cordon Bleu ในการรังสรรค์เมนูที่ไม่เหมือนใคร และทำให้ผู้ที่ได้รับประทานอาหารที่เธอทำรู้สึกประทับใจและพึงพอใจอย่างยิ่ง
ศึกสุดท้าย Hell’s Kitchen คว้าตำแหน่งรองแชมป์
ในรายการ Hell’s Kitchen Thailand เชฟเคอร์ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำอาหารที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเมนูคาวหรือหวาน เธอก็สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่น่าทึ่งและมีคุณภาพสูง จนทำให้ทีมของเธอสามารถคว้าชัยชนะได้หลายครั้ง ผลงานของเธอไม่เพียงแต่เป็นที่ยอมรับจากกรรมการ แต่ยังได้รับการสนับสนุนและเชียร์จากผู้ชมทั่วประเทศ
ไม่ว่าจะเป็นการรับคำติติงจากกรรมการแล้วนำมาปรับปรุงตัวเอง หรือการต่อสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้นในครัว เชฟเคอร์ก็ไม่เคยยอมแพ้ เธอแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองและทีมของเธอ จนทำให้เธอกลายเป็นผู้เข้าแข่งขันที่น่าจับตามองที่สุดในรายการนี้
ด้วยทักษะที่แข็งแกร่งและจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ เชฟเคอร์ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมหลายคน และเป็นที่รักของแฟนคลับที่ติดตามและให้กำลังใจเธออย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในรายการหรือในชีวิตจริง เชฟเคอร์ยังคงยืนหยัดและมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลงานที่ยอดเยี่ยมต่อไป
จนกระทั่ง เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม 2567 ในรายการ Hell’s Kitchen EP.15 รอบชิงชนะเลิศ เชฟเคอร์ และ เชฟบิว ต้องขึ้นเป็น Head Chef ประชันครัวเดือด ลุ้นผู้คว้าชัยในศึกสุดท้ายนี้
ผลการตัดสินอย่างเป็นทางการ เชฟเคอร์ คว้าตำแหน่ง รองแชมป์ เฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์ ซีซันที่ 1 คนแรกไปครอง ส่วนเชฟบิว ได้ตำแหน่งผู้ชนะเลิศอันดับหนึ่งคนแรกในประเทศไทย ปิดตำนานการแข่งขันสุดหฤโหด ตลอด 15 สัปดาห์
แฟนรายการติดตามผลงานของเชฟเคอร์ได้ที่ IG @kerr21.7 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางของเธอ และร่วมส่งกำลังใจให้เธอในทุกย่างก้าวของการเป็นเชฟที่เต็มเปี่ยมไปด้วยฝีมือและความสามารถ
ใช้วุฒิภาวะ ฝ่าดราม่า เพื่อนร่วมรายการ Hell’s Kitchen
ในสังเวียนที่ร้อนแรงของ Hell’s Kitchen Thailand ไม่ได้มีเพียงแค่ความท้าทายในการทำอาหาร แต่ยังเต็มไปด้วยดราม่าที่ทำให้ผู้ชมต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ เฟซบุ๊กอวยไส้แตกแหกไส้ฉีก ได้โพสต์ข้อความของเชฟพริกเผ็ช ที่ระบุในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ดูเชฟเคอร์สัมภาษณ์เหมือนดูละคร คุณธรรม” การโพสต์นี้ทำให้แฟน ๆ ของรายการเกิดความสงสัยว่ามันเป็นเพียงการหยอกล้อเล่นหรือเป็นการแซะเชฟเคอร์กันแน่
ทำให้แฟนคลับส่วนใหญ่เชื่อว่าการโพสต์ดังกล่าวเป็นการกล่าวหาเชฟเคอร์จริงจัง เนื่องจากมีผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ มาคอมเมนต์ตอบรับโพสต์นั้น เช่น เชฟมารวยที่คอมเมนต์ว่า “ว้ายยยยยยย” และเชฟกบที่ส่งสติกเกอร์ “คุณพระ” ผู้จัดการของเชฟพริกเผ็ชซึ่งเป็นเพื่อนก็เข้ามาคอมเมนต์เชิงเยาะเย้ยเชฟเคอร์ว่า “แต่มีคนดูไม่ออกอะดีๆๆๆ555555555555555 อิอิอิอิอิอิ”
ในเฟซบุ๊กส่วนตัวของเชฟพริกเผ็ชและผู้จัดการของเธอยังมีโพสต์ที่เป็นการโจมตีเชฟเคอร์ต่อไป เช่น “อยู่ปารีสทำร้านไหนคะเซฟ #วงการบันเทิงอะเนอะ” และ “ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมในรูปไม่มีเชฟเคอร์” ส่วนเชฟมารวยเองก็โพสต์รูปสมาชิกในรายการพร้อมแคปชันว่า “ต่อจากนี้ไม่มีคำว่า ทีมสีแดง ทีมสีน้ำเงิน… เหลือเพียงแต่คำว่า ‘ครอบครัว Hell’s Kitchen Thailand’ รักทุกๆ คนครับ” พร้อมติดแฮชแท็กสมาชิกทุกคนยกเว้นเชฟเคอร์
ไม่เพียงแค่นั้น ในอินสตาแกรม ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ลงรูปกลุ่มที่ไม่มีเชฟเคอร์และไม่มีใครแท็กเชฟเคอร์เลย ยกเว้นเชฟเจมส์และเชฟเฟนที่โพสต์ถึงเชฟเคอร์ (ข้อมูล ณ วันที่ 19 พฤษภาคม เวลา 23.00 น). ระบุว่า มีการนัดกินเลี้ยงสังสรรค์กัน และแท็กไอจีทุกคนยกเว้นเชฟเคอร์ ทั้ง ๆ ที่เชฟที่ไม่ได้ไปมีเชฟบิว เชฟเคอร์ และเชฟลูกจันทร์ที่อยู่ต่างประเทศ
เหตุการณ์นี้ทำให้แฟนคลับรายการตั้งคำถามว่าอาจมีเบื้องลึกเบื้องหลังจริง แต่ไม่ควรที่เชฟคนอื่นๆ จะมาโพสต์ต่อว่าเชฟเคอร์ในลักษณะนี้ เพราะมันดูไม่มีวุฒิภาวะ และที่สำคัญ วันนี้เป็นวันของเชฟบิว ควรให้เกียรติเชฟบิวและไม่ควรมีการโพสต์เรียกทัวร์ลงแบบนี้
บางคนยังวิจารณ์ว่า รายการของ Heliconia นั้นแย่มาก เพราะผู้เข้าแข่งขันมารุมด่าทอกันเองในที่สาธารณะ ทำให้ภาพลักษณ์ของรายการเสียหาย และเกิดความขัดแย้งที่ไม่ควรเกิดขึ้น
ในท่ามกลางความวุ่นวายนี้ เชฟเคอร์ยังคงเป็นจุดศูนย์กลางของดราม่า แฟนคลับที่ยังเชื่อมั่นในตัวเธอก็ยังคงส่งกำลังใจและเชียร์เธออย่างเต็มที่ รอดูว่าเธอจะผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างไร และความสัมพันธ์ของผู้เข้าแข่งขันจะคลี่คลายลงหรือไม่ เรื่องราวของ Hell’s Kitchen Thailand ในครั้งนี้จึงเป็นบทละครที่เต็มไปด้วยความเข้มข้นและความน่าติดตามในทุก ๆ ตอน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง