เปิดภาพวงจรปิด แฉโจรร้าย ฉกโทรศัพท์นักแสดงหนุ่ม ‘โอ๊ตมีล’ สืบเสาะประวัติ ที่แท้เป็นถึงเจ้าจองคลินิกเสริมความงาม โปรไฟล์หรู ใช้ของแพงอื้อ รวมผู้เสียหาย 20 คน มูลค่าความเสียหายนับล้าน
จากประเด็นร้อนแรงเมื่อวานนี้ (13 พฤษภาคม 2567) เพจเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 โพสต์คลิปภาพจากกล้องวงจรปิด ที่เผยให้เห็นวินาทีโจรแสบพยายามที่จะฉกโทรศัพท์มือถือของนักแสดงหนุ่ม นามว่า โอ๊ตมีล ณัฐพงษ์ พร้อมอธิบายถึงเหตุการณ์ทั้งหมดว่า นักแสดงหนุ่มรายนี้ส่งข้อความร้องเรียนมายังเพจ หลังถูกมิจฉาชีพล้วงโทรศัพท์มือถือ iPhone 13 pro max ขณะเที่ยวอยู่ที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านรัชโยธิน เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา
โชคดีที่กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพวินาทีก่อเหตุไว้ได้ เบื้องต้นทราบข้อมูลแล้วว่า คนร้ายเป็นเจ้าของคลินิกเสริมความงามย่านเอเชียทีค โปรไฟล์สวยหรู ใช้ของแบรนด์เนม รวมถึงได้ทราบด้วยว่ามีผู้เสียหายอีก 2 คน ที่ถูกลักโทรศัพท์ไปในวันเดียวกัน และยังมีผู้เสียหายอีก 20 รายที่เคยถูกคนร้ายผู้นี้ฉกทรัพย์ ซึ่งเหตุผลที่ตัดสินใจออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ก็เพราะต้องการตีแผ่ความจริงให้สังคมทราบ และเกิดความตระหนักถึงความปลอดภัยในทรัพย์สิน
ล่าสุดวันนี้ (13 พฤาภาคม 2567) ทีมข่าวช่อง 3 สอบถามโดยตรงไปยัง ‘โอ๊ตมีล’ ได้ความว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 67 ต่อเนื่องไปจนถึงเช้าวันที่ 3 หลังเที่ยวสถานบันเทิงย่านรัชโยธินเสร็จสิ้นแล้วจึงค่อยพบว่าโทรศัพท์มือถือหาย พยายามหาแล้วแต่ก็ไม่พบ จึงเดินทางไปลงบันทึกประจำวันกับตำรวจสน. พหลโยธิน เพื่อนำใบแจ้งความกลับไปที่สถานบันเทิงเพื่อขอตรวจสอบกล้องวงจรปิด
จากนั้นก็ได้เห็นว่า ระหว่างเดินไปทางออก มีชายคนหนึ่งเดินตามออกไปด้วย คนร้ายพยายามจะล้วงกระเป๋า แต่ไม่สำเร็จเพราะตนเดินกลับเข้ามาในร้านเพื่อเอากระเป๋าที่โต๊ะ ซึ่งคนร้ายก็ไม่ลดละความพยายาม เดินตามมาล้วงกระเป๋าด้านหลังที่มีโทรศัพท์ จนสำเร็จ ก่อนจะเดินหลบหนีไป
หลังสอบถามเบื้องต้นไปยังคนรู้จัก ทราบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าของสถานความงามแห่งหนึ่งย่านเอเชียทีค และเมื่อตรวจสอบเพิ่มเติมจากบัญชีโซเชียลมีเดียพบว่า มีการใช้โปรไฟล์หรูหรา ใช้สิ่งของแบรนด์เนม จนไม่น่าเชื่อว่าจะก่อเหตุเช่นนี้ ยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และในวันเกิดเหตุก็ไม่ได้ร่วมโต๊ะกับชายคนนี้แต่อย่างใด
นอกจากตนแล้ว ในวันเดียวกันนั้นก็ยังมีผู้เสียหายอีก 2 ราย ทั้งคู่กลับมาขอดูกล้องวงจรปิดเช่นเดียวกับตนเองและจากการดูกล้องวงจรปิดก็พบว่ามีชายคนดังกล่าวเข้าไปปะปนกับน้องวัยรุ่นเช่นเดียวกับตนเอง ก่อนจะเล่าต่อว่า มีผู้เสียหายในลักษณะคล้ายกันจากสถานบันเทิงแห่งนี้อีกประมาณเกือบ 20 คน คาดว่ามูลค่าความเสียหายอาจจะสูงถึงล้านบาท เพราะโทรศัพท์ส่วนมากที่โดนขโมยจะเป็นรุ่นที่มีราคาสูงทั้งสิ้น
ต่อมาหลังจากที่ตนได้โพสต์ลงโซเชียลมีเดียถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ก็ได้พยายามตรวจสอบโซเชียลมีเดียของผู้ก่อเหตุ แต่กลับพบว่าได้แก้ไขการเข้าถึงเป็นแบบส่วนตัว จึงคาดว่าคนร้ายเริ่มจะจะรู้ตัวแล้ว เบื้องต้นตนได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา และขณะนี้ตำรวจก็ได้ออกหมายเรียกบุคคลที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดไปแล้ว เมื่อวันวันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา รวมถึงมีการยืนยันตัวบุคคลเป็นที่เรียบร้อย
อย่างไรก็ดี ดาราหนุ่มได้กล่าวถึงทิ้งท้ายว่า เชื่อว่าคนร้ายก่อเหตุเป็นขบวนการ เพราะได้ล่วงรู้จากผู้เสียหายรายอื่น ๆ ว่า หลังโทรศัพท์มือถือหายไม่กี่วันก็ตรวจพบพิกัดของโทรศัพท์ปรากฏอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน จึงเป็นไปได้ที่อาจมีผู้อื่นช่วยเหลือ
ทั้งนี้ รายงานล่าสุดจากสน. พหลโยธิน พบว่า ในปีพ.ศ. 2551 ผู้ก่อเหตุมีประวัติเกี่ยวข้องกับการรับซื้อของโจรด้วย จากนี้ตำรวจจะทำการเร่งรัดเรียกตัวผู้กระทำความผิดรายนี้มาทำการสอบสวนและดำเนินการทางคดี โดยหากมีการออกหมายเรียกครั้งที่สองและไม่มีการเดินทางเข้าพบตำรวจตามหมาย จะมีการขออนุมัติหมายจับครั้งต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง