ชาวนาจีน ขุดเจอทองโบราณ เก็บเงียบหวังรวย แต่ตำรวจมาเคาะจับถึงบ้าน
วันนี้ 17 เมษายน 2567 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน กรณีชาวนาจีนรายหนึ่ง ขุดพบวัตถุโบราณที่ทำด้วยทองคำ หนัก 20 กิโลกรัมในบ่อ แต่เก็บซ่อนไว้ไม่บอกทางการ ไม่กี่วันถัดมา ตำรวจกับผู้เชี่ยวชาญมาถึงที่บ้าน เกือบถูกฟ้องคดีอาญาร้ายแรง
ชาวนาคนนี้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในย่านเมืองโบราณซวนเฉิง มณฑลอานฮุยของจีน ซึ่งมีอารยธรรมยาวนานมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชาง ปฐมอาณาจักรจีน ย้อนกลับไปได้มากกว่า 3 พันปี
เหตุเกิดขึ้นเมื่อนายเฉินกำลังขุดโคลนที่บ่อประจำหมู่บ้าน เขาเห็นแสงทองสุกใสตรงก้นบ่อ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขารีบขุดขึ้นมา ปรากฎว่าเป็นวัตถุสีทองหนักกว่า 20 กิโลกรัม รูปร่างแปลกตาและมีลวดลายแกะสลักละเอียดงดงาม เขาลำพองใจคิดว่าได้ขุมทรัพย์ทองคำที่จะพลิกชีวิต
นายเฉินแอบขนโบราณวัตถุนี้กลับบ้านไปอย่างเงียบๆ โดยไม่รู้ว่าข่าวเจอ “ขุมทรัพย์” นี้แพร่ออกไปทั่วหมู่บ้านแล้ว
ไม่กี่วันต่อมา ผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่นได้ทราบข่าว จึงมาขอดูโบราณวัตถุทองคำที่บ้านนายเฉิน แต่กลับถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าพบ ผู้เชี่ยวชาญไม่ละความพยายาม มาขอเข้าดูอีกหลายรอบแต่ก็ล้มเหลว จนมีชาวบ้านบอกว่ามีพ่อค้าของเก่ามาหาชาวนารายนี้บ่อยๆ ผู้เชี่ยวชาญจึงยิ่งมั่นใจว่าวัตถุนั้นเป็นโบราณวัตถุแน่ๆ
ด้วยกลัวว่าสมบัติล้ำค่าจะถูกขายไป ผู้เชี่ยวชาญจึงแจ้งความกับตำรวจท้องถิ่น เมื่อตำรวจออกหน้า นายเฉินจึงยอมเล่าความจริงและยอมมอบวัตถุให้ผู้เชี่ยวชาญตีราคา
ผลการตรวจวิเคราะห์ปราฏว่าวัตถุนี้คือเครื่องดนตรีคล้ายฉาบจากยุคราชวงศ์ชาง อายุ 3,000 ปี จัดเป็นของหายากของชาติจีน แต่ฉาบที่พบนี้ไม่ได้ทำจากทองคำแท้ๆ ตามที่คนเข้าใจ หากแต่เป็นโลหะผสม สีคล้ายทองเกิดจากการผสมทองแดง ตะกั่ว และดีบุก สีสันไม่เปลี่ยนแปลงตามเวลาเพราะจมอยู่ใต้เลนลึก
ต่อมาโบราณวัตถุชิ้นนี้ถูกนำไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ซวนเฉิง ส่วน “เจ้าของ” อย่างนายเฉินนั้น ตอนแรกไม่อยากคืนสมบัติที่ขุดได้ แต่เมื่อได้รับคำอธิบายจากตำรวจและผู้เชี่ยวชาญถึงกฎหมายคุ้มครองโบราณวัตถุ เขาก็เข้าใจว่าการซื้อขายหรือทำลายโบราณวัตถุคืออาชญากรรม มีความผิดตามกฎหมาย
กฎหมายจีนตราไว้ว่าโบราณวัตถุใต้ดิน น่านน้ำ และอาณาเขตของจีนเป็นของรัฐทั้งหมด ดังนั้น หากพบโดยบังเอิญ แทนที่จะเก็บไว้ ต้องแจ้งผู้เชี่ยวชาญหรือเจ้าหน้าที่ เพื่อพิสูจน์ที่มาและอนุรักษ์โบราณวัตถุให้สืบต่อไป
อ่านข่าวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง