สงกรานต์กาม ‘อาร์มลายสัก’ ข่มขืนสาว 16 จนสลบ ผวา ยืนเฝ้าประตู หลังเหยื่อหนีตายเข้าห้องน้ำ
วันนี้ 14 เมษายน 2567 สืบนครบาล รายงานเหตุการณ์สะเทือนใจ ฝันร้ายของ เด็กสาววัย 16 ปี ถูก อาร์ลายสัก แห่งบางบอน เขาเป็นอดีตนักโทษคดียาเสพติด ล่อลวงพาเล่นน้ำวันสงกรานต์ แต่มอมเหล้าเด็กสาว ก่อนลงมือข่มขืนจนเหยื่อจนสลบ
เมื่อเด็กหญิงตื่นมารีบคว้าโทรศัพท์วิ่งหนีไปแอบในห้องน้ำ โทรหาแม่ขอความช่วยเหลือ ระหว่างเธอรอความช่วยเหลือจากแม่ กว่า 10 นาที
ล่าสุด พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งทีมสืบสวนนำกำลังบุกไปลากคอไออาร์ม ที่หนีไปกบดานเมืองเพชรบุรี เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงคนร้ายยังไม่ยอมออกมาแต่โดยดี จนกระทั่งได้แง้มผ้าม่านมาเห็นชุดสืบนครบาล ก็ทราบว่าต้องถูกพังประตูแน่นอน จึงยอมออกมามอบตัวแต่โดยดี
สอบสวนทราบชื่อคือ นายสมภพ หรืออาร์ม อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ จ.268/2566 ลงวันที่ 11 ก.ค. 66 โดนข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, พาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจาร , พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วย เพื่อการอนาจาร”
นายอาร์ม ลายสัก มีประวัติการต้องโทษยาเสพติด จำนวน 3 คดีคือ
1) ปี 2547 พื้นที่ สน.บางขุนเทียน ถูกจับกุมในข้อหา “จำหน่ายยาเสพติดฯ” ขณะนั้นถูกจับกุมพร้อมของกลาง 190 เม็ด
2) ปี 2549 พื้นที่ สน.ท่าข้าม จับกุมในข้อหา “จำหน่ายยาเสพติดฯ” ขณะนั้นถูกจับกุมพร้อมของกลาง 120 เม็ด
3) ปี 2556 พื้นที่ สน.สุทธิสาร ถูกจับกุมในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (ยาเค) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยขณะนั้นถูกจับกุมพร้อมพวกชาวไทย-มาเลเซีย ซึ่งเป็นขบวนการขนยาข้ามชาติผ่านชายแดนมาเลย์ ตรวจยึดของกลางเป็นยาเค 3 กิโลกรัม, ยาอี 400 เม็ด
พฤติการณ์กล่าวคือ “มันจะปล้ำหนู…..#$%#$%” เสียงปลายสายจากเด็กสาววัย 16 ปี โทรถึงแม่ ก่อนโทรศัพท์จะถูกตัดสายไป ในกลางดึกของคืนวันสงกรานต์ปี 2566 ที่ผ่านมา หลังวางสายผู้เป็นแม่ตัดสินใจไปยังหอพักของลูกสาวตัวเองทันที และเมื่อถึงหน้าหอพัก เธอได้ยินเสียงกรีดร้องของลูกสาว “ออกไป! ช่วยหนูด้วย!”
เมื่อเปิดประตูเข้าไปภาพที่เธอได้เห็นคือคนร้ายกำลังเอาอวัยวะเพศกระแทกประตูห้องน้ำที่ลูกสาวเข้าไปแอบอยู่ ลักษณะเหมือนยืนกระเด้าประตู แล้วครางชื่อบุตรสาวเธออย่างโรคจิต เธอตัดสินใจผลักไอ้อาร์ม กระเด็นออกไปให้พ้นทาง ก่อนเปิดประตูห้องน้ำเห็นลูกสาวเธออยู่ในสภาพซุกขดตัวอยู่ข้างชักโครก เนื้อตัวสั่นกับน้ำตาที่นองหน้า โดยคนร้ายฉวยโอกาสหนีออกจากห้องไป จึงพยายามปลอมประโลมลูกสาวที่กำลังร้องไห้ ยอมเล่าเรื่องราวให้ฟังว่า
เมื่อเวลาหัวค่ำ ขณะที่ น้องบี (นามสมมติ) ลูกสาวของเธอมาอาศัยอยู่กับญาติ ที่หอพักย่านหนองแขม เพื่อจะได้มาเที่ยวเล่นน้ำสงกรานต์แต่ปรากฎว่าในคืนนั้นเอง “ไอ้อาร์ม” ผู้ที่น้องบี นับถือและสนิทสนมราวเหมือรกับลุง อีกทั้งเป็นเพื่อนรักของพ่อน้องบี ได้ส่งข้อความทางเฟซบุ๊กมาชักชวนจะพาไปเล่นน้ำสงกรานต์ “อยากไปเล่นน้ำกับลุงไหม เดี๋ยวลุงไปรับ”
ด้วยความเชื่อและไว้วางใจโดยสนิท น้องบีจึงหลงกลยอมให้ไอ้อาร์มมารับ แต่แล้วเมื่อขับรถออกไป แทนที่จะมุ่งหน้าไปบริเวณที่มีการเล่นน้ำสงกรานต์ แต่ไอ้อาร์มกลับวนรถ พาน้องบีไปถึงที่หน้าบ้านย่านบางบอน อ้างว่า “ลุงขอกินเบียร์ซักพักแล้วลุงจะพาไปเล่นน้ำ”
แผนการชั่วได้เริ่มขึ้น เมื่อไอ้อาร์ม เริ่มมอมเหล้าน้องบี จนเมาไม่รู้สึกตัว ไอ้อาร์มได้จังหวะอุ้มน้องบีขึ้นไปบนชั้น 2 ของบ้าน ลงมือข่มขืนน้องบีจนเธอสลบ แม่พาน้องบี เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน แจ้งความดำเนินคดีกับไอ้อาร์ม นำไปสู่การรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาธนบุรี ออกหมายจับ เดนคุกรายนี้ไว้แล้ว
ล่าสุด เรื่องถึงหู พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่ง “สารวัตรแจ๊ะ” นำทีมชุดสืบสวนพิเศษของสืบนครบาล ลงพื้นที่ไล่ล่าติดตามตัวผู้ต้องหารายนี้ทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร แต่ผู้ต้องหารายนี้เป็นอดีตนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ ที่ช่ำชองวิธีการหลบหนีการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เป็นอย่างดี จึงสามารถหลบหนีการติดตามของชุดสืบสวนได้ทุกครั้งไป
จนกระทั่งวันที่ 13 เม.ย.2567 พล.ต.ต.ธีรเดชฯ สืบทราบว่าคนร้ายไปกบดานอยู่ในบ้านพักในตัวเมืองเพชรบุรี จึงนำกำลังบุกไปที่บ้านหลังหลังผู้ต้องหากลับมาจากเล่นนำ้สงกรานต์ดังกล่าว โดยเมื่อชุดสืบสวนไปถึงคนร้ายยังไม่ยอมเปิดประตูให้เจ้าหน้าที่ กระทั่งเจ้าหน้าที่ทำการทุบกระจกประตู คนร้ายได้แง้มผ้าม่านมาดูก็รู้ชะตากรรมว่าหากไม่เปิดต้องถูกพังประตูแน่นอน จึงให้แฟนสาวเดินมาเปิดประตูแต่โดยดี และชุดสืบสวนก็สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ได้ในที่สุด
เปิดประวัติ อาร์มลายสัก คือใคร
ให้การว่า “ตนเองดั้งเดิมเป็นคนเติบโตมาในย่านบางบอน จบการศึกษาชั้น ปวช. เมื่อจบการศึกษาได้ประมาณ 1 ปี ได้เริ่มหันเข้าสู่วงการค้ายาเสพติด และได้ขายเรื่อยมา จนขณะที่อายุได้ 19 ปี เมื่อปี พ.ศ.2547 ได้ถูกจับกุมในคดีจำหน่ายยาเสพติด และวนเวียนอยู่ในวงการค้ายาเสพติด เข้า – ออก คุก เป็นประจำเหมือนบ้านหลังที่ 2 ยอมรับว่าเคยได้ร่วมกันกับพวกชาวไทยและชาวมาเลเซีย ที่รู้จักกันจากในคุก โดยจะไปรับยาเสพติดที่ลักลอบขนมาจากประเทศมาเลเซีย มาตระเวนขายในพื้นที่ กรุงเทพฯ แต่หลังจากพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2563 ได้หันมาประกอบอาชีพสุจริต ตั้งแต่ขายอาหาร และพนักงานขนส่งพัสดุ เรื่อยมา จนถึงปัจจุบัน
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในชั้นจับกุม นายสมภพฯ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ยอมรับว่าเมื่อวันที่เกิดเหตุ ตนได้ไปรับน้องผู้เสียหายมาเพื่อจะพาไปเล่นน้ำสงกรานต์จริง แต่เนื่องจากก่อนหน้านั้นตนเองได้ดื่มเหล้าอยู่ที่หน้าบ้านพักกับญาติ จึงได้พาน้องไปที่บ้านเพื่อจะดื่มเหล้าต่อ และได้พากันดื่มกินกันเป็นเวลาหลายชั่วโมง เมื่อเห็นว่าน้องผู้เสียหายดื่มจนเมาไม่ได้สติแล้ว จึงบอกให้ขึ้นไปนอนก่อนที่ห้องพักของตนเอง ซึ่งเมื่อน้องผู้เสียหายได้ขึ้นไปนอนด้านบนห้องชั้น 2 แล้ว ยอมรับว่าตนเองก็ได้เข้าไปนอนในห้องเดียวกันและนอนด้วยกันจริง แต่จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เนื่องจากตนเองดื่มสุราและเสพยาเค จนเมาไม่ได้สติ
ที่มากบดานอยู่ใน จ.เพชรบุรี นี้เพราะรู้ตัวว่ามีหมายจับจึงหนีมากบดานที่นี่ โดยใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆไม่ออกไปไหน รับประทานอาหารจากร้านสะดวกซื้อ อยู่แต่ในบ้าน โดยเหตุการณ์จับกุมในวันนี้ตนเองแง้มหน้าต่างมาเห็นว่าเป็นชุดของสารวัตรแจ๊ะ ก็รู้ว่าถ้าแอบต่อไปยังไงเจ้าหน้าที่ก็พังประตูเข้ามาแน่ๆ เพราะติดตามเพจสืบนครบาลอยู่ตลอด จึงยอมให้แฟนสาวไปเปิดประตูให้เจ้าหน้าที่แต่โดยดี” หลังจับกุมตัว ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “ทางคดีเรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะคำพูดของเด็กนั้นบริสุทธิ์มากกว่า และยังมีพยานหลักฐานอื่นเชื่อมโยงทำให้ศาลอนุมัติหมายจับจากพฤติการณ์ในคดีนี้ นับได้ว่าเป็นพฤติการณ์ที่อุกอาจและสะเทือนใจ ผู้ต้องหารายนี้ใช้ความสนิทสนมกับผู้ปกครองของเหยื่อ ออกกลอุบายหลอกล่อ ใช้เทศกาลสงกรานต์เป็นข้ออ้างให้หลงเชื่อโดยสนิทใจ
ผมขออวยพรให้น้องผู้เสียหาย มีกำลังใจที่เข้มแข็งผ่านพ้นเรื่องเลวร้ายในอดีต ในวันข้างหน้าให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องจัดการกับผู้กระทำผิด จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ปกครองทั้งหลาย โปรดเพิ่มความใส่ใจในตัวบุตรหลานของท่าน อย่าไว้วางใจและคลาดสายตา แม้แต่กระทั่งคนใกล้ชิด ยิ่งช่วงเทศกาลสงกรานต์ขอให้เพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากผู้ใดมีเบาะแสการกระทำความผิด โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”
ที่มา : สืบนครบาล
อานข่าวที่เกี่ยวข้อง