ไลฟ์สไตล์

เปิดประวัติ “วันวาเลนไทน์” 2567 ย้อนตำนานความรัก การเสียสละครั้งยิ่งใหญ่

เดินทางมาจนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 หรือว่า “วันวาเลนไทน์” เป็นหนึ่งวันที่บรรยากาศอบอวลไปด้วยความรัก ความสุข และรอยยิ้ม หลายคู่คงจะมีแพลนพากันไปทำกิจกรรมในวันแห่งความรักแบบนี้ เช่น ไปเที่ยว ดูหนัง ดินเนอร์กับบรรยากาศสวย ๆ พร้อมกับของขวัญเซอร์ไพรส์สุดพิเศษให้กันและกัน สำหรับวันนี้เราจะพาไปย้อนรอยตำนานความรัก และเปิดประวัติวันวาเลนไทน์กัน คนส่วนใหญ่อาจจะรู้จักแค่เป็นวันแห่งความรัก แต่ไม่รู้ว่า มีที่มาอย่างไร เรารวบรวมข้อมูลมาให้แล้ว เช็กเลยที่นี่

“วันวาเลนไทน์” มีมาตั้งแต่สมัยยุคที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี จะเป็นวันหยุด และถูกจัดงานขึ้นเพื่อเป็นเกียรติให้แด่เทพเจ้าจูโน อีกทั้งพระองค์ยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่งอิสตรีเพศ และการแต่งงาน ประชาชน หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็จะเต็มไปด้วยมวลความรัก และความสุข จนกระทั่งหมดวันไป เช้าวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ทุกคนก็จะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติเช่นเดิม

ภาพวาเลนไทน์

ตำนานความรัก “วันวาเลนไทน์”

หากพูดถึง “วันวาเลนไทน์” ว่ามีต้นกำเนิดสำคัญอย่างไร ที่ทำให้คนส่วนใหญรู้จักวันนี้ ต้องย้อนกลับไปเมื่อสมัยจักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 (Emperor Claudius II) แห่งกรุงโรม เป็นคนที่มีลักษณะนิสัยโหดร้าย แข็งกระด้าง และมีการทำสงครามอยู่บ่อยครั้ง องค์จักรพรรดิจึงได้สั่งให้เกณฑ์ผู้ชายทั้งเมืองมาเป็นทหาร เพื่อให้มีจำนวนกองทัพมากพอในการออกรบ และมีคำสั่ง พร้อมกฎหมายที่ว่า “ห้ามให้มีชายหญิงคู่ไหน หมั้นหมาย หรือแต่งงานกันเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ โดยการประหารชีวิตทันที” ซึ่งส่วนมากก็มักจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งนี้ แต่ด้วยต้องใช้ชีวิตต่อไป จึงต้องปฏิบัติตาม

ต่อมา ประชาชนสมัยนั้น เมื่อมีความรักจะต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่ให้ผู้ใดรู้ แต่ก็มีบางคู่ที่ฝ่าฝืนกฎ ด้วยการแต่งงานกัน โดยมีนักบุญที่ชื่อว่า “วาเลนไทน์” เป็นผู้ทำพิธีให้ หลังจากเรื่องราวนี้หลุดออกไปถึงหูองค์จักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 นักบุญวาเลนไทน์ ก็ได้ถูกสั่งประหารทันที เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ.270 เหตุการณ์นี้ก็ได้ถูกกระจายข่าวออกไปทั่วเมือง หลายคนก็ยอมรับไม่ได้ เพียงแต่ภาวนาว่า ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น

สาเหตุที่ทำไมต้องวันวาเลนไทน์ ต้องเป็นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เพราะหลังจากเหตุการณ์ประหารนักบุญวาเลนไทน์แล้ว เมื่อวนกลับมาถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ อีกครั้ง ประชาชนที่นับถือนักบุญ ก็จะร่วมระลึกถึงพระองค์ในทุก ๆ ปี จนเวลาผ่านไป วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ก็ได้ผันเปลี่ยนให้เป็นตัวแทนวันแห่งคามรัก และถูกเรียกว่า “วันวาเลนไทน์” มาจนถึงทุกวันนี้นั่นเอง

วาเลนไทน์

สัญลักษณ์แทนใจ “วันวาเลนไทน์”

1. ดอกกุหลาบสีแดง

เป็นหนึ่งไอเท็มสำคัญที่ขาดไม่ได้ใน “วันวาเลนไทน์” เพราะ เป็นสิ่งของแทนความรักให้กันและกัน

  • ตามภาษาดอกไม้ หมายถึง แทนคำพูด ความรู้สึกดีของผู้ให้ถึงผู้รับ
  • สีแดง หมายถึง ความรักที่ฉันให้เธอ คือรักแท้จากใจ

2. การ์ดจดหมาย

ของแทนใจ ที่บรรยายความรู้สึกที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ หวนนึกถึงเรื่องราวย้อนอดีต ที่จดจำมาจนถึงปัจจุบัน ร้อยเรียงคำ พร้อมความหมายสุดลึกซึ้ง นับว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจ ไม่แพ้ของขวัญราคาแพงเลย

3. ช็อกโกแลต

สิ่งของแทนความรักที่หวานหอม มีความคิดถึงเสน่ห์หา เป็นความรักที่ลึกซึ้ง ซึ่งในสมัยก่อน ช็อกโกแลตมีราคาค่อนข้างสูง จะสามารถซื้อได้ ต้องเป็นเฉพาะคนชั้นสูงเท่านั้น จึงเปรียบเป็นของแทนใจที่มีค่า และหรูหรา

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Titan Siripong

สวัสดีครับ ผมไตตั้น นักเขียนคอนเทนต์ ฝึกหาประสบการณ์ที่ Thaiger ศึกษาอยู่คณะวิทยาการสารสนเทศ สาขานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม สนใจในเรื่องข่าวบันเทิง เพลง ภาพยนตร์ และซีรีส์ ถ่ายทอดผ่านการเขียนที่เป็นเอกลักษณ์ และเข้าใจง่าย การเรียนรู้สิ่งใหม่เป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่พร้อมที่จะเผชิญอยู่เสมอ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button