ยังเหลืออีกด่าน รอลุ้น 31 ม.ค. ‘พิธา’ ฟังคำวินิจฉัย “คดีล้มล้างการปกครอง” จะรอดอีกไหม
ยังเหลืออีกด่าน พิธา ลุ้นต่อ แม้รอดคดีหุ้นสื่อ ITV แต่ยังเหลือคดีล้มล้างการปกครอง ปมตอนหาเสียง เสนอร่างแก้กฏหมายอาญา มาตรา112 ร้ายแรงสุดถึงขั้นยุบพรรค
ควันหลงหลังจากที่วันนี้ (24 ม.ค.67) ศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัย คดีร้องเรียน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล ถือหุ้นสื่อไอทีวี (ITV) โดยคำวินิจฉัยยืนยันแล้วว่า สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ของนายพิธา ยังไม่สิ้นสุดลง เนื่องจากไอทีวีไม่ถือว่าเป็นสื่อ
โดยหลังมีการอ่านคำวินิจฉัย นายพิธา เปิดใจว่า ตนเองรู้สึกเฉย ๆ ปกติ หลังมีคำตัดสินออกมา จากนี้เตรียมเดินหน้าทำงานให้ประชาชนต่อทันที ภารกิจแรกจะเป็นการแถลงถึงแผนงานประจำปีของพรรคก้าวไกล ตามที่ได้รับมอบหมายจากนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก.ก.
ส่วนจะกลับเข้าไปทำงานในรัฐสภา วันพรุ่งนี้ (25 ม.ค.67) เลยหรือไม่ ? ยังคงต้องรอรายละเอียดของกระบวนการศาลรัฐธรรมนูญ กับ รัฐสภา ว่าจะมีการส่งเอกสารทันเปิดประชุมวันพฤหัสบดีเลยหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ประเด็นหลังศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัยคดีถือหุ้นสื่อของพิธาเที่ยวล่าสุดนี้ บรรดาสื่อมวลชนและนักวิชาการสายการเมืองยังคงมองว่า การรอดจากข้อร้องเรียนในคดีหุ้นสื่อไอทีวีนั้น “ยังเป็นแค่ด่านแรก” เนื่องจากอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล วัย 43 ปี ยังมีอีกคดีที่ถูก นายธีรยุทธ สุวรรณเกษตร ขอให้วินิจฉัยว่า การกระทำของนายพิธา ในขณะที่เป็นหัวหน้าพรรคที่เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ใช้เป็นนโยบายหาเสียง ถือเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่
สำหรับคดีล้มล้างการปกครองจะมีการอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 31 ม.ค.67 นี้ ซึ่งผลของคดีร้ายแรงสุด คือ “การยุบพรรค” โดยประเด็นนี้ นายพิธา ก็เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในขั้นตอนกระบวนการไต่สวน ว่า ตามคำร้องสมมติเกิดกรณีศาลชี้ออกมาไม่เป็นคุณ ก็อาจจะให้หยุดการนำเสนอนโยบายแก้ไข ม.112 เท่านั้น ไม่มีคำร้องที่จะนำไปสู่การยุบพรรคแต่อย่างใด
ขณะที่ นายชัยธวัช เคยระบุหลังเข้ารับการไต่สวน ว่า พรรคยังมั่นใจด้วยข้อเท็จจริงของกฎหมายและเจตนา สามารถชี้ได้ว่า “ไม่ได้เป็นการล้มล้างการปกครอง”
ทั้งนี้ ในส่วนคดีหุ้นสื่อ พิธา ยืนยันจะไม่ดำเนินคดีกับ คณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง หรือ “กกต.” ด้วยการฟ้องเอาผิดกลับไป โดยเจ้าตัวบอกเพียงอยากจะรีบกลับไปเสริมทัพทำงานกับพรรคก.ก. ทันที ที่ได้รับไฟเขียวให้กลับเข้าสภาฯ เท่านั้น.