ข่าวข่าวต่างประเทศ

แม่ลูกมาเลเซีย ยืนแจกใบปลิวในสิงคโปร์ หาคนบริจาคตับ หลังลูกป่วยหนัก

สะเทือนใจ แม่ลูกมาเลเซีย ยืนแจกใบปลิวในสิงคโปร์ หาคนบริจาคตับ เพื่อนำไปปลูกถ่ายตับ หลังลูกป่วยหนัก แม่เผยไม่รู้ลูกอยู่ได้อีกนานแค่ไหน

เมื่อวันที่ 15 มกราคม เว็บไซต์ มาเธอร์ชิป รายงานว่า เรื่องราวของวัยรุ่นมาเลเซียอายุ 15 ปีที่อาศัยในสิงคโปร์ ได้มายืนแจกใบปลิวกับแม่ เพื่อขอรับบริจาคตับ หลังจากที่วัยรุ่นคนดังกล่าวป่วยเป็นโรคตับอักเสบจากภูมิต้านตนเอง (AIH)

โดยผู้เป็นแม่ให้สัมภาษณ์กับมาเธอร์ชิปว่า ลูกชายของเธอต่อสู้กับโรคนี้มานานแล้ว โดยลูกของเธอมีอาการป่วยบ่อยครั้งตั้งแต่ 2 ขวบ โดยในตอนนั้นแพทย์ในมาเลเซียพบว่าลูกชายมีอาการตับบวม แต่ไม่สามารถหาสาเหตุได้

เมื่อลูกอายุ 5 ปี ครอบครัวจึงตัดสินใจนำลูกมายังประเทศสิงคโปร์เพื่อพบแพทย์ ก่อนที่แพทย์จะวินิจฉัยว่าลูกป่วยเป็นโรคตับอักเสบจากภูมิต้านตนเอง ซึ่งในตอนนั้นผู้เป็นแม่ก็ตัดสินใจบริจาคตับเพื่อนำไปปลูกถ่าย

โดยการปลูกถ่ายสำเร็จไปด้วยดี และลูกชายสามารถกลับไปเรียนหนังสือได้ตามปกติ

ทว่าในช่วงสิ้นปี 2565 อาการของลูกชายทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยครอบครัวรีบนำลูกไปยังโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ซึ่งคราวนี้เลวร้ายกว่ามากเนื่องจากพบว่าป่วยเป็นโรคตับระยะสุดท้าย และความดันหลอดเลือดดำพอร์ตัลตับสูงอย่างรุนแรง

ครอบครัวจึงต้องการคนบริจาคตับอย่างเร่งด่วน ภายใน 3 เดือน มิเช่นนั้นลูกชายเสี่ยงจะเสียชีวิตจากอาการตกเลือด รวมถึงต้องการเงินจำนวนมากเป็นค่าผ่าตัดด้วย

โดยมีผู้ยินยอมจะบริจาคตับ 4-5 คน แต่ผู้บริจาคกลุ่มนั้นไม่สามารถบริจาคให้ได้ เช่นเดียวกันกับพ่อก็ไม่สามารถบริจาคได้ ขณะที่แพทย์แนะนำว่าแม่ไม่ควรจะบริจาครอบที่สอง ซึ่งทางครอบครัวได้ย้ายมาสิงคโปร์โดยหวังว่าพวกเขาจะได้รับการบริจาคอวัยวะเร็วขึ้น

ทั้งนี้ผู้เป็นแม่และลูกตัดสินยืนแจกใบปลิว เนื่องจากมีเงินไม่เยอะ และต้องพึ่งพาเงินเดือนจากสามีที่ทำงานเป็นช่างซ่อม โดยทั้งสองบริจาคตามพื้นที่สำคัญในสิงคโปร์ ซึ่งผู้เป็นแม่เล่าว่ามีหลายคนไม่ยอมรับใบปลิวจากพวกเธอ ซึ่งเธอก็ยอมรับว่ามันดูน่าสงสัยที่แม่ลูกจากมาเลเซียมาตามหาผู้บริจาคตับในสิงคโปร์ แต่พวกเธอไม่มีทางเลือก ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าตอนนี้มีเวลาเหลือเท่าไหร่

ขณะที่ทางมาเธอร์ชิปได้ติดต่อไปยังโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ซึ่งทางโรงพยาบาลยืนยันว่าขณะนี้พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่ในการสนับสนุนเท่าที่เป็นไปได้ พร้อมระบุว่าใครที่อยากจะบริจาคสามารถติดต่อทางโรงพยาบาลได้

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button