ข่าวข่าวการเมือง

‘สุชาติ’ ขู่ฟ้อง DSI ทำเสียชื่อ ปมกล่าวหา เอี่ยวหักหัวคิวส่งแรงงานไทยในฟินแลนด์

สุชาติ ชมกลิ่น ขู่ฟ้อง DSI ข้อหาทำเสียชื่อ ปมกล่าวหา เอี่ยวหักหัวคิวส่งแรงงานไทยในฟินแลนด์ ยืนยันบริสุทธิ์ ถามกลับต้องการกลบข่าวอะไรรึเปล่า?

จากกรณีที่มีรายงานกองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะพนักงานอัยการที่อัยการสูงสุดมอบหมายให้ร่วมสอบสวน มีมติร่วมกันให้กล่าวหา อดีตรัฐมนตรี 2 คน และผู้บริหารระดับสูง กระทรวงแรงงาน อีก 2 คน รวมทั้งหมด 4 คน ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีเรียกเก็บหัวคิวแรงงานไทยไปทำงานในฟินแลนด์ตามที่มีรายงานไปก่อนหน้านี้นั้น

นายสุชาติ ชมกลิ่น อดีตรมว.แรงงาน กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตามที่ดีเอสไอได้ออกเอกสารว่าเป็นเรื่องเมื่อปี 2563 ส่วนตนเข้ารับตำแหน่ง เมื่อเดือนส.ค.2563 ขณะที่การส่งแรงงานไทยไปทำงานที่ฟินแลนด์จะส่งทุกๆเดือน มิ.ย.- ก.ค.และส่งมานานกว่า 10 ปี

ดังนั้น แปลว่าปี 2563 นั้นมีการส่งแรงงานไปฟินแลนด์ก่อนที่ตนจะเข้ารับตำแหน่ง ส่วนปี 2564-2565 ก็มีการส่งแรงงานไปทำงานต่อเนื่อง ซึ่งก็ได้ดำเนินการไปตามกฎหมาย โดยกระบวนการคือ ในแต่ละปีสถานทูตฟินแลนด์จะกำหนดโควตาว่าต้องการแรงงานจำนวนเท่าไหร่ แล้วประสานมายังกระทรวงแรงงาน จากนั้นกระทรวงแรงงานก็จะแจ้งไปยังนายจ้างที่มีการประสานกับทางเอกชนของฟินแลนด์อยู่แล้ว เพื่อจัดส่งกันเอง

การคัดคนงาน การจัดส่งต่างๆ กระทรวงแรงงานไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือเข้าไปควบคุมตรงนั้นได้ กระทรวงแรงงานแค่ออกกฎระเบียบว่าให้นายจ้างกับลูกจ้าง มีการทำสัญญา มีแบงก์การันตีว่าจะได้รับค่าตอบแทนจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งเราทำเช่นนี้ทุกครั้งในการจัดส่งแรงงานไปทำงานต่างประเทศ ย้อนกลับมาที่มีแรงงานถูกส่งกลับ 10-20 คน และร้องเรียนไปยังสถานทูต ต่อมามีประเด็นข้อหาค้ามนุษย์

นายสุชาติถามกลับว่า แล้วคน 3,000-4,000 คน ที่เดินทางไปนั้น ทำไมถึงไม่ได้ร้องเรียน อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินทางกลับมาถึงกระทรวงแรงงาน ก็จะเรียกลูกจ้างและนายจ้างมานั่งโต๊ะเจรจา และมีแบงก์การันตีและแบบนี้จะมาบอกว่า ค้ามนุษย์ได้อย่างไร

ทั้งนี้ องค์ประกอบเรื่องของการค้ามนุษย์ของฟินแลนด์กับของไทย แตกต่างกัน คนๆ หนึ่งซึ่งเป็นโบรกเกอร์ของไทยถูกจับข้อหาค้ามนุษย์ ให้การซัดทอดข้าราชการหรือใครก็แล้วแต่ ซึ่งตนไม่รู้จักและไม่เคยไปยุ่งกับเขา ถามว่าคำให้การของผู้ต้องหาซึ่งให้การแล้วได้รับการลดโทษสามารถกลับบ้านได้ เขาให้การอะไรมา ดีเอสไอฟังทั้งหมดเลยโดยไม่มีการสอบ

ประเด็นคือเรื่องนี้ แบ่งเป็น 2 เรื่อง เรื่องแรก เป็นเรื่องนอกราชอาณาจักรคือ การค้ามนุษย์ โดยอัยการสูงสุดส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ ตามมาตรา 20 แต่กรณีที่ระบุว่ามีการเรียกรับสินบน และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในประเทศ ตามขั้นตอนต้องส่งไปยังป.ป.ช. แล้วป.ป.ช.ตั้งอนุกรรมการไต่สวนว่า มีมูลหรือไม่มีมูล จะยกหรือจะรับไม่รับอย่างไร

ขอยืนยันในความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง แล้วถ้าป.ป.ช.ตรวจสอบแล้วว่า ตนไม่ได้มีความผิดตามที่ถูกกล่าว หากดีเอสไอ จะชดเชยอย่างไรกรณีที่ทำให้ตนเสียหาย การที่ดีเอสไอ ออกข่าวนี้มาเพราะต้องการกลบกระแสข่าวอะไรหรือไม่

เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับผู้ที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คุยกับใครเพราะถ้าไปคุยก็เท่ากับว่าตนเป็นคนผิด แต่เรื่องนี้ใครให้การอะไรไว้ หรือกล่าวหาอะไรไว้ ตนจะฟ้องร้อง เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเอง เพราะเรื่องนี้ ตรวจสอบได้หากบอกว่ามีเส้นทางการเงิน ก็เปิดเผยออกมาได้หากกล่าวอ้างถึงรัฐมนตรี หรือ มีเส้นทางการเงินของใคร แต่ยืนยันว่าตนไม่เกี่ยวข้อง ฉะนั้น คุณก็ต้องยืนยันมาว่ามีเส้นทางการเงินของใครและแจ้งคนนั้น ไม่ใช่ออกมาพูดกำกวมเช่นนี้ ทำให้คนมองว่าเป็นตนเอง

เมื่อถามว่าได้สอบถามกลับไปที่กระทรวงแรงงานหรือไม่ หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว นายสุชาติ กล่าวว่า เบื้องต้นตนก็ไล่เช็กว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง โดยกระทรวงแรงงาน ในสมัยที่ตนเป็นรัฐมนตรี ได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีแรงงานของฟินแลนด์ ซึ่งไปพร้อมเอกอัครราชทูตไทยประจำฟินแลนด์ นั่งคุยกันว่าให้ฟินแลนด์ออกเป็นวีซ่าการทำงานได้หรือไม่ เพื่อจะได้เข้าสู่กฎหมายกระทรวงแรงงานของฟินแลนด์ได้

เขาบอกว่ากฎหมายประเทศฟินแลนด์ ใครก็มาได้เพื่อทำงานเก็บผลไม้ป่า เขาไม่ได้เอาตามเรา กฎหมายของเขาก็คือของเขา ดังนั้น มันก็ตอบไม่ได้ และอีกอย่างเป็นเรื่องของเอกชนจัดส่ง ที่กล่าวอ้างว่ามีค่าดำเนินการเก็บค่าหัวคิวรายละ 3,000 บาท ต้องถามกลับว่าหากเก็บจริง นายจ้างจะบอกหรือไม่ว่าเก็บไปให้ใคร คนไหน ได้หรือไม่ ไม่ใช่ว่าตนเป็นคนไปคุยเอง แต่ประเด็นสำคัญคือการไปทำงานแบบถูกกฎหมาย จะต้องมาจ่ายอะไรพวกนี้ด้วยหรือ

“ถ้าองค์ประกอบของกฎหมายฟินแลนด์บอกว่า เป็นการค้ามนุษย์ แต่เมื่อเราเป็นคนไทย กฎหมายขายไทยจะเข้าหรือไม่เข้าดีเอสไอ ก็ต้องทำหน้าที่สืบสวนองค์ประกอบว่า มันเข้าหรือไม่เข้า แล้วชี้แจงเขาให้ได้ กล่าวหาเราอย่างนี้ได้อย่างไร เหมือนเขาโยนน้ำมันมาเผาบ้านคุณ แล้วแบบนี้คุณยอมอย่างนั้นหรือ คุณต้องชี้แจงว่าเข้าหรือไม่เข้าองค์ประกอบของกฎหมาย” นายสุชาติ กล่าว

กฎหมายค้ามนุษย์ของไทยคือ กักขังหน่วงเหนี่ยว ทุบตี ไม่จ่ายเงิน แต่นี่ได้วีซ่าไป ไม่ได้วีซ่ากลับ เพราะเกินกำหนด กลับมาถึง กระทรวงแรงงานก็เป็นเจ้าภาพตั้งโต๊ะเจรจาให้กับคนที่ไม่พอใจ ถามว่ามันเข้าข่ายค้ามนุษย์ตรงไหน ที่ฟินแลนด์จะดูเรื่องการนอน การกิน แล้วพฤติกรรมของคนเก็บผลไม้ป่า เก็บมากได้มาก ที่เขาทำงานเกิน 8 ชั่วโมงเพราะได้ปริมาณมาก ถือเป็นเรื่องค้ามนุษย์หรือไม่ เข้าองค์ประกอบของกฎหมายไทย เกี่ยวกันหรือไม่ ไม่อย่างนั้นรปภ.ทำงานเกิน 8 ชั่วโมง ก็ถือเป็นการค้ามนุษย์ด้วยหรือไม่

เรื่องนี้ใครที่ทำให้เสื่อมเสียก็รับไป และเรื่องนี้ใครที่ปฏิบัตินอกเหนือจากความเป็นจริงก็ต้องรับไป ใครที่กล่าวหาโดยไม่มีข้อมูลหลักฐานไม่ใช่ข้อเท็จจริง ก็ต้องรับไปทั้งหมด

เมื่อถามย้ำว่าการฟ้องร้องจะฟ้องดีเอสไอและผู้กล่าวหา ใช่หรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า ใครก็ตามที่ทำให้ตนเสียหาย ต้นตอทั้งหมด ขณะนี้ได้ตั้งทีมกฎหมายพิจารณา และรอดูว่าเขาจะแนะนำอย่างไร ตนถือว่าเรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับคนที่เป็นอดีตรัฐมนตรี หากตนเป็นรัฐมนตรียุติธรรม แล้วไปเอาเรื่องเก่ามากล่าวอ้างอดีตรัฐมนตรียุติธรรมบ้างได้หรือไม่

คุณไปพูดให้ข่าวอดีตรัฐมนตรีแบบนี้จะให้ต่างชาติเขามองอย่างไร ว่ารัฐมนตรีไปเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์มันจะไปเกี่ยวข้องได้อย่างไร เพราะกฎหมายการค้ามนุษย์ มันแยกเป็นราชอาณาจักร ที่บอกว่าให้อัยการร่วมสอบ ร่วมกล่าวหาก็ต้องพูดให้ชัดว่ากล่าวหาใคร กล่าวหาเรื่องอะไร แจ้งตนเรื่องอะไร และมีการกล่าวหากล่าวหาอะไรมาต้องพูดให้ชัด

ดีเอสไอ เอาผิด 2 อดีตรัฐมนตรี- ผู้บริหาร ก.แรงงาน เอี่ยวค้ามนุษย์ที่ฟินแลนด์

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button