ข่าวต่างประเทศ

เคสแรกของโลก กลั้นจามจนหลอดลมฉีก อันตรายของการกลั้นจาม

หยุดพฤติกรรมเหล่านี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเผยไม่ควรกลั้นจาม หลังพบผู้ป่วยเคสแรกของโลก พยายามกลั้นจามโดยการบีบจมูกและปิดปาก สุดท้ายหลอดลมฉีก

วันนี้ (วันที่ 12 ธันวาคม 2566) รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี หรือหมอหมู แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โพสต์ข้อความเตือนภัยเงียบปัญหาสุขภาพ ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี เกี่ยวกับพฤติกรรม ‘กลั้นจามจนหลอดลมฉีก’ ของผู้ป่วยรายแรกของโลก อ้างอิงจากเว็บไซต์ casereports ซึ่งได้ระบุข้อความไว้ดังนี้

“เหตุการณ์ประหลาดนี้เกิดขึ้นในขณะที่ชายหนึ่งกำลังขับรถและทันใดนั้นเขาก็รู้สึกอยากจาม แต่แทนที่จะปล่อยให้เป็นการจามแบบปกติ แต่เขากลับกลั้นจามด้วยการบีบจมูกและปิดปาก

การกลั้นจาม ด้วยการบีบจมูกและปิดปาก จะทำให้ความดันในทางเดินหายใจส่วนบนสูงขึ้นกว่า 20 เท่าของความดันที่ปกติจะเกิดขึ้นระหว่างการจาม ในกรณีของชายคนนี้ความกดดันสูงมากจนทำให้หลอดลมของเขาฉีกขาด

ชายคนดังกล่าวได้เดินทางไปยังห้องฉุกเฉิน เขารู้สึกเจ็บบริเวณลำคออย่างรุนแรง คอของเขาบวมทั้งสองข้าง อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีปัญหาใด ๆ ในการหายใจ การกลืน หรือการพูด

จากการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) พบหลอดลมฉีกขาด ขนาด 2 x 2 มิลลิเมตร แพทย์สรุปว่าการฉีกขาดมีสาเหตุมาจาก “แรงดันที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหลอดลมขณะจามโดยบีบจมูกและปิดปาก” แพทย์วินิจฉัยว่าชายคนนี้ไม่จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด

เคสแรกของโลก กลั้นจามจนหลอดลมฉีก อันตรายของการกลั้นจาม
ภาพจาก : casereports

อย่างไรก็ตาม เขาถูกเฝ้าติดตามที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 2 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าระดับออกซิเจนและสัญญาณชีพอื่น ๆ ของเขาคงที่ จากนั้นเขาก็ออกจากโรงพยาบาล พร้อมรับยาแก้ปวดและยาแก้ไข้ อีกทั้งแพทย์ของเขายังบอกเขาด้วยว่า อย่าออกกำลังกายที่ต้องใช้กำลังมากเป็นเวลา 2 สัปดาห์

หลังผ่านไป 5 สัปดาห์ ผล CT scan เผยให้เห็นว่าบาดแผลหายดีแล้ว หลอดลมฉีกขาดหากมีขนาดใหญ่อาจอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ แต่อย่างไรก็ตาม เกือบทั้งหมดเกิดจากจากการบาดเจ็บที่มาจากแรงกระทำจากภายนอก”

ทั้งนี้ นายแพทย์ได้ทิ้งท้ายคำแนะนำไว้ด้วยว่า ไม่ควรกลั้นจามด้วยการบีบจมูกขณะปิดปาก เพราะอาจส่งผลให้เกิดหลอดลมทะลุได้

ทำไมถึงไม่ควร ‘กลั้นจาม’ สาเหตุปัญหาสุขภาพที่ไม่อาจมองข้าม

เชื่อว่าหลายคน ๆ อาจจะเคยกลั้นจาม เหตุเพราะอยู่ในที่สาธารณะหรือกังวลว่าการจามอาจไปรบกวนผู้อื่น ซึ่งก็นับเป็นโชคดีที่การกลั้นจามของเรานั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพแต่อย่างใด แต่รู้หรือไม่ว่าการกลั้นจามเป็นพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพมากมายอย่างไม่ควรมองข้าม ซึ่งการกลั้นจามโดยการบีบจมูก พร้อมกับเม้มปากแน่น ๆ นั้นส่งผลอันตรายต่อร่างกายมากมาย ดังนี้

เคสแรกของโลก กลั้นจามจนหลอดลมฉีก อันตรายของการกลั้นจาม

1. แก้วหูแตก

ระหว่างก่อนการจาม ระบบทางเดินหายใจของคุณจะเกิดแรงดันสูง จากนั้นอากาศก็จะเข้าไปในหูและไหลลงสู่ท่อในหูแต่ละข้าง ซึ่งจะเชื่อมต่อกับหูชั้นกลางและแก้วหู ดังนั้นการกลั้นจามจึงอาจทำให้ความดันที่ควรจะไหลลงท่อหูส่งผลให้แก้วหูแตกได้ และอาจอันตรายถึงการสูญเสียการได้ยิน

2. หลอดเลือดฝอยเสียหาย

เมื่อกลั้นจามแรงดันในร่างกายก็มีแนวดน้มที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะรุนแรงถึงขนาดที่ทำให้หลอดเลือดฝอยในโพรงจมูกถูกบีบอัดและระเบิด อันเป็นสาเหตุของอาการตาแดงและจมูกแดง

3. หูชั้นกลางอักเสบ

ด้วยเหตุที่การจามคือการปล่อยลมออกจากร่างกาย เช่นนั้นแล้วการกลั้นจามจึงเสมือนการเปลี่ยนทิศทางของลม ซึ่งลมที่ควรจะออกมาทางจมูกจะถุกดันเข้าไปในช่องหูชั้นกลาง และเชื้อโรคที่มาพร้อมกับการจามก็จะติดอยู่ในชั้นหู อันเป็นสาเหตุของการติดเชื้อ

4. กะบังลมฉีกขาด

การกลั้นจามอาจเป็นสาเหตุให้กะบังลมเป็นแผลฉีกขาดได้จากการเกิดแรงดันสูงในร่างกาย ซึ่งอาการเจ็บป่วยดังกล่าวอันตรายถึงชีวิต

5. เส้นเลือดในสมองโป่งพอง

ผลกระทบที่ร้ายแรงอย่างยิ่งของการกลั้นจามนั่นก็คือ “เส้นเลือดในสมองโป่งพอง” หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “เส้นเลือดในสมองแตก” ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการเลือดออกในกะโหลกศีรษะรอบสมอง ที่ส่งผลอันตรายถึงแก่ชีวิต

ฉะนั้นแล้ว ผู้อ่านทุกท่านจึงไม่ควร “กลั้นจาม” ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม เพราะการกระทำเพียงชั่ววินาทีอาจส่งผลอันตรายต่อร่างกายและชีวิต

ข้อมูลจาก healthline

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Danita S.

นักเขียนบทความไลฟ์สไตล์ บันเทิง ประจำ Thaiger ติดตามทุกกระแส K-Pop และเท่าทันทุกเรื่องราวความบันเทิง ด้วยประสบการณ์มากกว่า 3 ปี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ ช่องทางติดต่อ bell@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button