แม่เหลืออด ข้างห้องสูบกัญชาทำลูกชายหวิดดับ เอาผิดไม่ได้วอนยกเลิกกัญชาเสรี
ใจแม่จะขาด ลูกชายอาการน่าห่วงหลังสูดกลิ่นกัญชาจากผู้เช่าต่างชาติข้างห้องเข้าไปเต็มปอด หอบลูกส่งโรงพยาบาลเจอค่ารักษาเกือบ 2 หมื่นไร้เงาคนรับผิดชอบ วอนประเทศไทยยกเลิกกัญชาเสรี
เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Arpapan Jaiman โพสต์ภาพลูกชายคาเตียงรพ. ระบุข้อความ “#ช่วยแชร์กันหน่อยค่ะ ใครก็ได้ขอให้มันมี ผลต่อกฎหมายหน่อยค่ะ เราได้รับความเดือดร้อนจากคอนโดข้างห้องโดยที่มีต่างชาติเพิ่งมาเช่าคอนโด และได้มั่วสุมดูดกัญชาจนส่งกลิ่น โถงทางเดินส่วนกลาง ทำให้ลูกชาย ต้องเข้าโรงพยาบาลกะทันหันเรียกรถฉุกเฉิน ลูกชายไม่ได้สติและพูดจาไม่รู้เรื่อง เกิดอาเจียน 3 รอบเนื่องจากได้รับกลิ่นกัญชาข้างห้องแต่กฎหมายไทยไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ว่ามีคนเปลี่ยนแปลงกฎหมายทำให้กัญชงกัญชามีเสรี แม้แต่จะแจ้งความก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เราได้รับความเสียหายจากคนดูดกัญชา เราได้จ่ายค่าโรงพยาบาลไปและเจ้าของห้องและผู้เช่าไม่ยอมชดใช้ ค่าโรงพยาบาลเราจะทำยังไงได้บ้างขอให้มีประโยชน์ ต่อเรื่องนี้เถอะกลัวว่าในอนาคตถ้าเกิดไม่ใช่แค่ลูกเราหรือคนอื่นที่ได้รับกลิ่นกัญชาถึงขั้นเสียชีวิต จะทำยังไงต่อไป”
หลังเกิดเรื่องเธอได้ประสานกับนิติคอนโดหรูให้เข้าไปตรวจสอบห้องดังกล่าว แต่คู่กรณีบ่ายเบี่ยงว่าเป็นการ “จุดเครื่องหอมกลิ่นมะลิ” ต่อมาเธอได้โพสต์ระบายอีกครั้งว่า “ล่าสุดยังเลยยังไม่เลิกดูดกัญชาในห้องกันอีกตำรวจมาก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ตักเตือน ล่าสุดนิติให้เชิญออกพรุ่งนี้แล้ว สรุปเงินที่จ่ายไปก็คงอาจจะไม่ได้จากพวกมันที่จ่ายค่าโรงพยาบาล”
“สรุปแล้วต้องมาจ่ายค่าโรงพยาบาลเพราะคนดูดกัญชาในห้องจนส่งกลิ่นออกมาข้างนอกยังไม่พอยังไม่เลิกดูดกันอีก ขนาดลูกกูเป็นขนาดนี้พวกมึงยังไม่มีสำนึกเลย… ไม่พอไอ้เจ้าของห้องคนจีนบอกว่าให้ระวังไว้พวกสแกมเมอร์ที่จะหลอกลวงเงินของคุณ เออกูเอาเงินกูจ่ายมันหาว่ากูหลอกลวงจะเอาเงินพวกมึงคิดได้ยังไง ขนาดกูจะเอาเฉพาะแค่ค่าโรงพยาบาลที่จ่ายไป กูไม่ได้เรียกค่าเสียหายส่วนอื่นๆด้วยซ้ำ กูอยากจะบ้าตายกับคอนโดนี้ ยังมาเจอเจ้าของห้องแบบนี้อีกตรงข้ามกันอีก” พร้อมโชว์ใบค่ารักษา จำนวน 17,376 บาท”
วันที่ 3 พฤศจิกายน 2566 เธอได้โพสต์ภาพขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจและนิติคอนโดกำลังยืนเจรจากับหนุ่มต่างชาติคู่กรณีข้างห้อง ระบุข้อความว่า “เหนื่อยมากกับกลิ่นกัญชา วันนี้ ผู้เช่าได้ออกไปแล้วไม่รู้อะไรอนาคตเจ้าของห้องจะพาใครเข้ามาอยู่อีกไม่รู้จะสร้างความเดือดร้อนอีกหรือเปล่า ตอนนี้ค่ารักษาโรงพยาบาล ทางคู่กรณีก็ยังไม่ได้จ่าย ไม่รับผิดชอบอะไรเลย”
ล่าสุดวันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 น.ส.อาภาพรรณ อายุ 28 ปี เล่าเหตุการณ์วันเกิดเหตุ (31 ตุลาคม) ว่า ช่วง 18.40 น. ได้กลิ่นกัญชาที่โถงทางเดินระหว่างห้องเธอกับห้องคู่กรณี จึงแจ้งไปยังนิติให้ขึ้นมาตักเตือนและห้ามปราม แต่ประตูมีช่องให้ควันลอดผ่านมาได้ ทำให้เธอและลูกชายที่กำลังจะออกไปทำธุระข้างนอกเกิดอาการเวียนหัวจนต้องนั่งพักดูอาการอยู่ด้านล่างคอนโดแทน
ผ่านไป 30 นาที่ ลูกชายบอกว่าปวดหัวอยากกลับขึ้นห้อง จึงบอกใหินิติคอนโดขึ้นไปเคลียร์ให้ก่อนแต่ก็ไม่มีใครเปิดประตู จนหระทั่งเข้าไปได้ทุกคนเกิดอาการข้างเครียงคล้ายกันคือปวดหัว เวียนหัว และตอนนั้นไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว
ต่อมาช่วง 22.00 น. ลูกชายเพ้อหนัก ถามไม่ตอบ พยายามเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ได้สติ พอให้กินยาแก้ปวดลูกดันอาเจียนออกมาและไม่รู้สึกตัวอีก เมื่อพยายามปลุกลูกชายด้วยการพาไปล้างตัว ลูกเหมือนมีอาการมึนเมา จึงรีบแจ้งนิติในมาช่วยเหลือและโทรเรียกรถพยาบาลด่วน
แพทย์แจ้งว่าสาเหตุเกิดจากควันของกัญชา และด้วยความเป็นเด็กจึงมีผลข้างเคียงหนักกว่าผู้ใหญ่มาก โดยเธอขอใบรับรองแพทย์เป็นภาษาอังกฤษเพราะทางเจ้าของห้องตัวจริงเป็นชาวจีนที่เปิดให้เป็นห้องพักรายวันให้ชาวต่างชาติโซนมาพัก
แม้เธอเดินทางไปแจ้งความพร้อมกับเจ้าหน้าที่นิติของคอนโดที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถทำอะไรได้เพราะตอนนี้มีกฎหมายกัญชาเสรี เมื่อปรึกษากับศาลสำหรับขั้นตอนต่าง ๆ เราก็ไม่สามารถทำได้เพราะเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลน้อยกว่าค่าทนายจึงได้เดินเรื่องไปยังสำนักงานยุติธรรมและสาธารณสุข โดยทางสำนักงานยุติธรรมก็จะเป็นตัวแทนทำหนังสือไปยังสำนักงานต่าง ๆ ให้
จากเรื่องราวดังกล่าวทำให้เธอออกมาเป็นอีกเสียงหนึ่งในการยกเลิกเสรีกัญชา เพราะจะมีผลกระทบกับเด็ก ผู้ใหญ่ หรือคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ซึ่งจะส่งผลต่อเด็กในอนาคต ไม่อยากให้เป็นกัญชาเสรี อยากให้กฎหมายทำอะไรกับเขา ที่ทำให้ลูกเราป่วย เราไม่รู้จะทำอย่างไร ทำได้แต่แชร์และโพสต์ข้อความลงในโซเชียล และให้หน่วยงานอื่น ๆ ช่วยเหลือเพราะตำรวจก็ไม่สามารถช่วยเหลือเราได้ จับเขาได้