ประวัติ มาโนช เสนพงศ์ นักการเมืองท้องถิ่นตัวเต็ง อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช

Wilasineeเผยแพร่: 06 พ.ย. 2566 15:49 น.| อัปเดต: 06 พ.ย. 2566 15:49 น.

94 1 minute read

ทำความรู้จัก มาโนช เสนพงศ์ อดีตนายกอบจ.นครศรีธรรมราช ผู้ชนะการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดด้วยคะแนนถล่มทลาย ก่อนถูก กกต. สั่งดำเนินคดีอาญา

ภายหลังจากที่นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช และนายมาโนช เสนพงศ์ อดีตนายกองค์กรบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้ต้องขังในคดีทุจริตการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราชปี 2557 โดยทั้งคู่ได้เดินทางมายังสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อใส่กำไล EM ที่ข้อเท้าเป็นเวลา 8 เดือน ก่อนจะได้รับการปล่อยตัว วันนี้ไทยเกอร์เลยถือโอกาสรวบรวมประวัติของมาโนช เสนพงศ์ มาให้ทุกคนได้อ่านกัน

ประวัติ มาโนช เสนพงศ์ อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช

มาโนช เสนพงศ์ เป็นน้องชายของนายเทพไท เสนพงศ์ ที่ผ่านมาได้รับการเลือกตั้งเป็นนักการเมืองท้องถิ่นติดต่อกันหลายสมัย กระทั่งในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 ได้ลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช กับนายพิชัย บุญยเกียรติ อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราชคนเก่า และได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยคะแนนถล่มทลาย

ต่อมานายนิชัย ได้ร้องเรียนไปยัง กกต. 3 ข้อหา คือ กรณีจัดเลี้ยงกำนันผู้ใหญ่บ้าน, รถแห่ป้ายรณรงค์หาเสียงของนายมาโนช ว่าทำไมนายกมาโนช ลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และข้อหานายปิยะวัฒน์ เกตุแก้ว ประธานสาขาพรรคประชาธิปัตย์ และพวกแจกเงิน 2,000 บาทให้กับสภาชิกเทศบาลนครศรีธรรมราชไปซื้อเสียง

หลังจากที่ทาง กกต. ใช้เวลาพิจารณาหลักฐานนานกว่า 1 ปี ในวันที่ 26 มิถุนายน 2558 ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้มีคำพิพากษายืนตาม กกต.ให้ใบแดงนายมาโนชในข้อหาจัดเลี้ยงกำนันผู้ใหญ่บ้านที่ครัวอันดามัน และสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือมีมติให้ใบแดงกับนายมาโนช พ้นจากตำแหน่งนายก อบจ.นครศรีธรรมราชทันที ส่วนข้อหาอื่นให้ยกไป

นอกจากนี้ทางกกต.ยังสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ และสั่งให้นายมาโนช ชดใช้ค่าจัดการเลือกตั้งใหม่ ตามพ.ร.บ.การเลือกตั้งท้องถิ่นต่อไป พร้อมสั่งให้ กกต. ดำเนินคดีอาญากับนายมาโนช ในการดำเนินคดีครั้งนี้ทำให้นายมาโนช และทีมผู้บริหารต้องพ้นจากตำแหน่งทุกตำแหน่งไปโดยปริยาย

กระทั่งในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 กรมราชทัณฑ์ได้ทำการปล่อยตัวนายมาโนช และนายเทพไท โดยมีเงื่อนไขต้องใส่กำไล EM ที่ข้อเท้าเป็นเวลา 8 เดือน หลังจากที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี ตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี และได้รับโทษจำคุกมาแล้ว 16 เดือน หรือ 2 ใน 3 ตามเงื่อนไข จึงได้รับการพักโทษจากกรมราชทัณฑ์