เผยความโหด ‘พระเจ้าเสือ’ ต้นเหตุคนอยุธยากลัวทะเล คลั่งหญิงพรหมจรรย์
พระเจ้าเสือในละครพรหมลิขิตหลบไป เพราะพระเจ้าเสือตัวจริงโหดกว่าที่คิด ใครทำอะไรไม่พอใจจับโยนลงทะเลทันที แถมอุปนิสัยที่สาว ๆ สมัยนี้ต้องขยาดอย่างการชอบเสพสังวาสกับเด็กสาวไม่มีประจำเดือน ที่บันทึกประวัติศาสตร์ถึงกับต้องจารึกไว้
สำหรับบทบาทของ “หลวงสรศักดิ์ สมเด็จพระเจ้าสุริเยนทราธิบดี” หรือ “พระเจ้าเสือ” สุดกร้าวใจในละครพรหมลิขิต นำแสดงโดยหนุ่ม ก็อต จิรายุ ทำให้ใครหลายคนหลงใหลพ่อหนุ่มแบดบอยแห่งอยุธยาจนโงหัวไม่ขึ้น แต่รู้หรือไม่ว่าพระเจ้าเสือตัวจริงคืออันดับหนึ่งเรื่องความโหดเหี้ยมในสมัยนั้น ถึงขั้นมีมุกตลกกล่าวว่า “เพราะความโหดร้ายของพระเจ้าเสือทำให้คนไทยสมัยก่อนกลัวทะเล”
เพจเฟซบุ๊กเล่าประวัติศาสตร์ วิพากษ์ประวัติศาสตร์ เคยออกมาตีแผ่เรื่องราวความดุร้ายของพระเจ้าเสือ จากพระราชพงศาวดารฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ที่ถูกชำระในรัชกาลที่ 1 กล่าวถึงเรื่องที่พระเจ้าเสือทำคนทั้งอยุธยากลัวทะเลว่า
“ประการหนึ่งถ้าเสด็จไปประพาสมัจฉาชาติฉนากฉลามในชลมารคทางทะเลเกาะสีชัง เขาสามมุข แลประเทศที่ใด ย่อมเสวยน้ำจัณฑ์พลาง ถ้าหมู่พระสนมนิกรนางในแลมหาดเล็กชาวที่ ทำให้เรือพระที่นั่งโคลงไหวไป มิได้มีพระวิจารณะ ปราศจากพระกรุณาญาณ ลุอำนาจแก่พระโทโส ดำรัสสั่งให้เอาผู้นั้นเกี่ยวเบ็ดทิ้งลงไปกลางทะเล ให้ปลาฉนากฉลามกินเป็นอาหาร ประการหนึ่ง ปราศจากพระเบญจางคิกศีล มักพอพระทัยทำอนาจารเสพสังวาสกับภรรยาขุนนาง แต่นั้นมาพระนามปรากฏเรียกว่า พระเจ้าเสือ”
ถอดความได้ว่า เมื่อครั้นพระเจ้าเสือเสด็จไปที่เกาะสีชัง เขาสามมุข หรือที่ใดก็มักจะดื่มเหล้าเป็นชีวิตจิตใจ แต่ถ้าพระสนมหรือมหาดเล็กคนใดทำให้เรือพระที่นั่งโคลงเคลง พระเจ้าเสือก็จะบันดาลโทสะสั่งให้โยนผู้นั้นลงทะเลเป็นอาหารให้ฉลามกินไปเลย โดยคนที่ปราศจากศีล 5 อย่างท่านก็มักจะลักลอบเป็นชู้กับภรรยาขุนนางอยู่เสมอ
ซึ่งความมักมากในกามนี้ก็เห็นได้จากฉากที่ทุกคนได้ดูในละครพรหมลิขิต ที่พระเจ้าเสือพยายามเอาท้าวทองกีบม้าทำเมียให้ได้ แต่ไม่จบแค่นั้นเพราะท่านยังโปรดเสพสังวาสกับเด็กผู้หญิงที่ยังไม่มีประจำเดือน ตรงกับพฤติกรรมในภาษาอังกฤษที่เรียกว่า Pedophelia ถูกวิจารณ์ไว้ในตอนหนึ่งของบันทึกดังนี้
“ครั้งนั้นสมเดจ์พระจ้าวแผ่นดิน มีพระราชหฤทัยกักขะละหยาบช้าทารุณร้ายกาจปราศจากกุศลสุจริต ทรงประพฤฒธิ์ผิดพระราชประเพณีย์ มิได้มีหิริโอตัปะ แลพระไทยหนาไปด้วยอกุศลลามก มีวิตกในโทษโมะมูลเจือไปในพระสันดานนิรันตะระมิได้ขาด แลพระองค์ทรงเสวยน้ำจันขาวอยู่เปนนิจ แล้วมักยินดีในการสังวาศด้วยนางกุมารีอันยังหมีได้มีระดู ถ้าแลนางใดอุสาหอดทนได้ ก็พระราชทานรางวัลเงินทองผ้าแพรพรรณต่างๆ แก่นางนั้นเปนอันมาก ถ้านางใดอดทนหมีได้ไซ้ ก็ทรงพระพิโรธแลทรงประหารลงที่ประฉิมมุราประเทศให้ถึงแก่ความตาย แล้วให้เอาโลงขาวมาใส่ศภนางนั้นออกไปทางประตูพระราชวังข้างท้ายสนมนั้นเนืองๆ แลประตูนั้นก็เรียกว่าประตูผีออก มีมาตราบเท้าทุกวันนี้”
ถอดความได้ว่า พระเจ้าเสือเป็นผู้มีจิตใจกักขละ หยาบช้าทารุณ มักประพฤติตัวผิดธรรมเนียมประเพณีโดยไม่มีความละอายแก่บาป ด้วยจิตใจอกุศลลามกถึงขั้นเป็นนิสัยสันดานและชอบดื่มสุราเป็นชีวิตจิตใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ชอบที่จะเรียกหญิงสาวที่ยังไม่ถึงวัยมีประจำเดือนมามีสัมพันธ์ด้วย หากใครทนได้ก็จะมอบเงินทอง ชุดผ้าแพรต่าง ๆ ให้ หากใครทนไม่ได้ก็จะทรงพิโรธถึงขั้นเอาตายและสั่งให้ตอกศพนางผู้นั้นลงโลงแล้วไปทิ้งที่ประตูท้ายวังจนเรียกขานกันว่าประตูผีถึงทุกวันนี้
หากแต่เรื่องประตูผีที่มาจากพระเจ้าเสืออาจเป็นการแต่งเสริมในสมัยหลัง เพราะความเชื่อเรื่องการสร้างประตูผีประจำเมืองสำหรับขนศพออกนอกเมืองเป็นคติที่ปรากฏทั่วในภูมิภาคอุษาคเนย์อยู่แล้ว ไม่ได้มีเฉพาะแต่ที่อยุธยาเท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก : 1