ตอบข้อสงสัย สตีม กับ ซาวน่า ต่างกันยังไง อบตัวด้วยความร้อนวิธีไหนดีกว่ากัน ข้อดีและข้อเสียของการอบตัวแบบสตีมและซาวน่า หลังอบตัวเสร็จควรปฏิบัติอย่างไร
ในปัจจุบันวิธีการดูแลร่างกายอีกวิธีหนึ่งที่ฮอตฮิตมาก ๆ ก็คือการอบตัว โดยวิธีอบตัวนั้นสามารถทำได้ 2 วิธี คือ การอบตัวแบบสตีม (Steam) และ การอบตัวแบบซาวน่า (Sauna) ซึ่งทั้งสองวิธีมีราคาค่าใช้จ่ายไม่แตกต่างกันมากนัก ขึ้นอยู่สถานให้บริการแต่ละแห่งจะตั้งราคา
ทังนี้ หลายคนก็ถามกันเข้ามากว่าวิธีอบบแบบ สตีม กับ ซาวน่า ต่างกันยังไง แบบไหนเหมาะกับใครบ้าง ถ้าต้องเลือกการอบตัวเพียงวิธีเดียวควรดูจากอะไร วันนี้เดอะไทยเกอร์ได้หาคำตอบมาฝากทุกคนกันแล้ว สามารถเลื่อนลงไปอ่านพร้อมกันได้เลย
ทำความรู้จัก สตีม VS ซาวน่า
สตีม (Steam) คือ การอบเปียกหรืออบไอน้ำ มีอุณหภูมิอยู่ที่ 40-60 องศาเซลเซียส และมีค่าความชื้น 100% โดยใช้วิธีการทำความร้อนด้วยน้ำให้ระเหยเป็นไอหยดลงบันตัวของผู้อบ ข้อดีคือช่วยให้สภาพผิวคงความชุ่มชื้นไว้ได้ตลอดเวลา และเลือดไหลเวียนได้ดี ส่วนข้อเสียคือความร้อนจากการอบอาจทำให้ผู้ที่มีผิวแดงง่าย ผิวแดงมากกว่าเดิม หรือกระตุ้นการทำงานของเม็ดสีให้ชัดขึ้น อาจทำให้ฝ้าที่เกิดจากฮอร์โมนไม่จางลงและเข้มขึ้นแทน
ซาวน่า (Sauna) คือ การอบแบบแห้ง มีอุณหภูมิอยู่ที่ 65-90 องศาเซลเซียส และเนื่องจากเป็นความร้อนที่ได้จากรังสีของถ่านไฟ จึงทำให้มีความชื้นหลงเหลืออยู่เพียง 5-20% ต้องทำสลับกับการแช่ตัวในบ่อน้ำเย็น ข้อดีคือช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดได้ดี ทำให้ร่างกายได้รับการซ่อมแซม ส่วนข้อเสียคือไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งง่ายหรือแดงง่าย การอบซาวน่าจะยิ่งทำให้สูญเสียน้ำในผิวหากไม่ออกมาสลับการแช่น้ำเย็น
ข้อปฏิบัติหลังอบตัวใน สตีม หรือ ซาวน่า
การอบร้อนด้วยวิธีสตีมหรือซาวน่าล้วนทำให้ร่างกายสูญเสียปริมาณน้ำในผิวทันทีหลังจากที่ออกห้องอบ ดังนั้นผู้อบจึงควรทาครีมที่มีปริมาณมอยเจอไรเซอร์สูงเพื่อล็อกความชุ่มชื้นไว้กับผิว โดยการอบด้วยสตีมหรือซาวน่าควรทาครีมทันทีหลังอบเสร็จภายใน 60 วินาที เพื่อป้องกันน้ำระเหยออกจากผิวและทำให้ผิวแห้งหนักกว่าเดิม
ความแตกต่างระหว่าง สตีม กับ ซาวน่า
สรุปแล้ว สตีมกับซาวน่าเป็นการอบด้วยความร้อนเหมือนกัน และมีวัตถุประสงค์ในการช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้ดีไม่ต่างกัน แต่ขึ้นอยู่กับวิธีการว่าเหมาะกับประเภทของผิวแต่ละบุคคลอย่างไร โดยสตีมจะเหมาะกับสภาพผิวแดงง่ายเพราะเป็นระบบให้ความร้อนพร้อมความชื้น ส่วนซาวน่าจะเหมาะกับผู้ที่มีสภาพผิวชุ่มชื้นอยู่แล้ว
ข้อมูลจาก : Be fit & Eat well
