เปิดเคล็ดลับ 16 วิธีรักษาสิว 2566 เพื่อให้ผิวหน้ากลับมากระจ่างใส ใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง รวมวิธีแก้ปัญหาสิวอักเสบและรอยดำ
เชื่อว่าหลายคนอาจกำลังรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง เพราะใบหน้าเต็มไปด้วยสิวและรอยดำ วันนี้ Thaiger เลยอยากถือโอกาส พาทุกคนไปเปิดโลกใบใหม่ด้วย 16 วิธีรักษาสิว 2566 ให้หน้ากลับมาใสเนียน บอกลาความไม่มันใจที่เกิดจากสิวอักเสบ สิวอุดตัน และรอยดำ งานนี้ทำเองได้ง่าย ๆ จากที่บ้าน เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต และหายาที่ช่วยลดสิวมาใช้ การันตีว่าเห็นผลแน่นอน!
เช็กลิสต์ 16 วิธีรักษาสิว 2566 แบบเร่งด่วนง่าย ๆ
สำหรับใครที่กังวลใจเรื่องสิว แนะนำให้เลือกวิธีการรักษาสิวที่เรานำมาฝาก ไปลองปรับใช้กันดูได้ ดังนี้
1. รักษาความสะอาดของผิวหน้า
การล้างหน้าให้สะอาดเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการเกิดสิว แนะนำให้ล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรอ่อนโยน 2 ครั้งต่อวัน ทั้งในตอนเช้าและก่อนนอน ตลอดจนหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือสารที่อาจระคายเคืองผิว เช่น แอลกอฮอล์ เป็นต้น
2. ทายารักษาสิว
การทายารักษาสิวเป็นหนึ่งในทางเลือกที่สะดวกและง่ายที่สุด เนื่องจากในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์รักษาสิวออกมาวางขายจำนวนมาก แนะนำให้เลือกใช้แบรนด์ที่น่าเชื่อถือ โดยทายาที่เหมาะกับสภาพผิวหน้าและสิวในตอนนั้น พิจารณาจากลักษณะของสิวว่าเป็นสิวประเภทใด อาทิ สิวอักเสบ สิวอุดตัน สิวผด รอยแดง และรอยดำ เป็นต้น
3. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยบำรุงผิวและช่วยให้ผิวแข็งแรง แนะนำให้รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยผักและผลไม้ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงและอาหารรสจัด
4. ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ
การดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอจะช่วยขับของเสียออกจากร่างกายและช่วยให้ผิวสะอาด อีกทั้งยังเติมความชุ่มชื้นให้กับร่างกาย และสร้างระบบการขับถ่ายที่ดีขึ้น ซึ่งล้วนแต่ส่งผลดีต่อสุขภาพผิวหน้าของเรา
5. พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและช่วยฟื้นฟูสภาพผิว โดยควรนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 8-10 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ใบหน้าอิ่มฟู ไม่แห้งกร้านทั้งยังแลดูสุขภาพดี
6. หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่อุดตันรูขุมขน
เครื่องสำอางบางชนิดอาจก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน และเป็นต้นหตุที่ทำให้เกิดสิวได้ แนะนำให้เลือกใช้เครื่องสำอางสูตรอ่อนโยนที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
7. รักษาความสะอาดของอุปกรณ์แต่งหน้า
อุปกรณ์แต่งหน้าอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวได้ แนะนำให้ทำความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้าเป็นประจำ ด้วยน้ำสบู่หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้าที่อ่อนโยน
8. หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ
การสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ อาจทำให้แบคทีเรียจากมือไปติดบนใบหน้าและทำให้เกิดสิวได้ ซึ่งหากต้องการจับบริเวณใบหน้าระหว่างวัน แนะนำให้ล้างมือให้สะอาด หรือสัมผัสผ่านกระดาษเช็ดหน้าสูตรอ่อนโยน
9. หาวิธีลดความเครียด
ความเครียดอาจทำให้ฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลง จนกลายเป็นปัญหาสิวบนใบหน้า แนะนำให้หาวิธีลดความเครียด เช่น ออกกำลังกาย ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือพูดคุยกับเพื่อนและครอบครัว
10. ควบคุมฮอร์โมน
หากพบว่าสิวเกิดจากฮอร์โมน เช่น ฮอร์โมนเพศชาย หรือฮอร์โมนไทรอยด์ผิดปกติ อาจจำเป็นต้องใช้ยารักษาสิวชนิดรับประทานร่วมกับยารักษาสิวชนิดทา
11. รักษาด้วยทรีทเมนต์
นอกจากการใช้ยารักษาสิวแล้ว อาจใช้ทรีทเมนต์เสริมเพื่อช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น เช่น การกดสิว การลอกหน้า การฉายแสงเลเซอร์ เป็นต้น
12. รักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
หากสิวอักเสบรุนแรง อาจจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะรับประทานร่วมกับยารักษาสิวชนิดทา เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่สะสมในสิว และช่วยลดอาการอักเสบเบื้องต้น
13. รักษาด้วยยาสเตียรอยด์
ยาสเตียรอยด์อาจช่วยรักษาสิวอักเสบรุนแรงได้ แต่ควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนัง เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้
14. รักษาด้วยยาทาเรตินอยด์
ยาทาเรตินอยด์ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันของรูขุมขน จึงช่วยรักษาสิวได้ แต่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวแห้ง ลอกแดง ระคายเคือง
15. รักษาด้วยเลเซอร์
เลเซอร์ช่วยกำจัดสิวอุดตันและรอยดำจากสิวได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวรุนแรงหรือมีรอยดำจากสิวมาก โดยก่อนที่จะรักษาแนะนำให้คุยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเลือกรักษาให้ตรงจุดที่สุด
16. พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง
กรณีที่ยังไม่แน่ใจว่าสิวเกิดจากอะไร และเป็นสิวที่ควรได้รับการรักษาแบบไหน แนะนำให้เดินทางไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ก่อนเข้ารับการรักษาหรือหายามาใช้เอง เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจทำให้ผิวแย่ลงกว่าเดิม
ทั้งหมดนี้คือ 16 วิธีรักษาสิว 2023 ที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริง บอกเลยว่าใครที่ยังเครียดกับสิวอักเสบและสิวอุดตันต่าง ๆ สบายใจหายห่วงได้เลย งานนี้เตรียมกลับมามั่นใจ พร้อมใบหน้าสวยใสไร้สิวได้แน่นอน.