ลูกร้องสื่อ แม่แน่นหน้าอก โรงพยาบาลให้กลับบ้าน ก่อนเสียชีวิตปริศนา
ลูกชายร้องสื่อ กังขาการเสียชีวิตของแม่หลัง แม่แน่นหน้าอก พาแม่ไปโรงพยาบาล แต่ให้กลับบ้านในวันเดียวกัน ด้านโรงพยาบาลแจงแล้ว
จากกรณีที่ชายชาวอำเภอภูเขียววัย 26 ปี จังหวัดชัยภูมิ เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชน หลังจากที่คุณแม่วัย 64 ปี เสียชีวิต เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2566 ช่วงเวลาประมาณ 08.00 น. แม่ของตนมีอาการเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ จึงรีบพาแม่ไปโรงพยาบาลประจำอำเภอ
จากนั้นแม่ถูกส่งเข้าไปรักษาตัวในห้องฉุกเฉินจนถึงเวลา 10.00 น. แม่ก็ยังไม่ออกมาจากห้องฉุกเฉิน ลูกสะใภ้ที่เป็นคนพาไปหาหมอจึงกลับบ้านมาอาบน้ำเปลี่ยนชุดเก็บของเพราะคาดว่าน่าจะต้องอยู่โรงพยาบาลอีกหลายวัน แต่หลังจากกลับถึงบ้านทางโรงพยาบาลก็โทร. มาบอกว่า แม่หายดีแล้วให้มารับกลับบ้าน จึงเดินทางไปรับออกจากโรงพยาบาลในเวลา 12.00
ขณะที่เดินทางกลับบ้านแม่บอกว่า อาการเหมือนจะดีขึ้น ได้นอนพักไปแป๊บหนึ่งแต่ยังเจ็บตรงหัวใจแปล๊บ ๆ อยู่ โดยคุณแม่หลับตั้งแต่ขึ้นรถ แต่หลังจากขับรถออกไปไม่นานแม่ก็เกิดอาการช็อกหมดสติ หน้าซีดตัวเหลือง จึงได้พาแม่กลับไปโรงพยาบาลเดิมอีกครั้ง โดยแพทย์รีบให้ออกซิเจนและปั๊มหัวใจ แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตเอาไว้ได้ โดยตนรู้สึกติดใจการเสียชีวิตของแม่
ชายคนดังกล่าวระบุอีกว่า ทางครอบครัวสงสัยเรื่องการวินิจฉัยอาการผู้ป่วยของโรงพยาบาลว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ เพราะหลังจากเกิดเรื่องทางโรงพยาบาลก็ไม่เคยมาพูดคุยหรือชี้แจงถึงสาเหตุการเสียชีวิตของแม่เลย นอกจากนี้ในผลการชันสูตรยังระบุว่า เป็นการเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ญาติทุกคนรู้สึกคาใจเป็นอันมาก จึงอยากให้ทางโรงพยายาบาล ได้ออกมาพูดคุยถึงสาเหตุทั้งช่วยแสดงความรับผิดชอบในการรักษาผู้ป่วยที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และเสียชีวิตอย่างกะทันหันของแม่ตนด้วย
ด้านโรงพยาบาลภูเขียวเฉลิมพระเกียรติได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า “กรณีผู้ป่วย อายุ 64 ปี ประวัติโรคประจำตัว โรคความดันโลหิต สูง ได้มารับบริการที่ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลภูเขียวเฉลิมพระเกียรติ ด้วยอาการ เหนื่อย เพลีย วิงเวียนศีรษะ ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2556 เวลา 08.15 น. โรงพยาบาลได้ทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และส่งตรวจเลือดทั่วไป ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เอกซเรย์ปอด รวมทั้งส่งตรวจเลือด เพื่อสืบค้นต่อภาวะหัวใจขาดเลือด พบว่า ผลการตรวจทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ปกติ ทางโรงพยาบาล ให้การรักษาโดย ฉีดยาแก้เวียนศีรษะและให้นอนสังเกตอาการ และเวลาประมาณ 12.00 น.แพทย์ ได้ตรวจเยี่ยมอาการ และพบว่าสัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ดี อาการทุเลาลง จึงอนุญาตให้กลับบ้าน และให้ยาไปรับประทานต่อเนื่องที่บ้าน
หลังจากนั้นเวลาประมาณ 12.35 น.ผู้ป่วยได้กลับมารักษาอีกครั้ง ด้วยภาวะหัวใจ หยุดเต้น ทีมแพทย์ได้ทำการช่วยฟื้นคืนชีพตามมาตรฐานการดูแลผู้ป่วย และขณะเดียวกันก็ได้ส่ง ตรวจเลือดเพื่อสืบค้นต่อภาวะหัวใจขาดเลือดอีกครั้งหนึ่ง ผลพบว่า อยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่ผู้ป่วย ไม่ตอบสนองต่อการรักษา จึงยุติการช่วยฟื้นคืนชีพ และญาติได้ขอนำศพไปบำเพ็ญกุศลตาม ประเพณีต่อไป
เหตุการณ์ความสูญเสียในครั้งนี้ ทางโรงพยาบาลภูเขียวเฉลิมพระเกียรติ ขอแสดงความ เสียใจกับครอบครัวและญาติของผู้ป่วย เป็นอย่างยิ่ง”