‘ภาณุวัฒน์ ขวัญยืน’ ยันไม่ใช่นอมินีให้ใคร วอนอย่าเอามาชนกับเรื่องร้อง ‘พิธา’
ภาณุวัฒน์ ขวัญยืน ยืนยันว่าตนไม่ใช่นอมินีให้ใคร วอนอย่าเอามาชนกับเรื่องร้อง ‘พิธา’ ผิดถูกขอให้ กกต. เป็นผู้พิจารณา
นาย ภาณุวัฒน์ ขวัญยืน ผู้ถือหุ้นไอทีวีต่อจากนายนิกม์ แสงศิรินาวิน ให้สัมภาษณ์เปิดใจครั้งแรกกับสำนักข่าวไทยรัฐ เผยถึงสาเหตุซื้อหุ้นว่า ตนเองสนใจเรื่องหุ้นอยากมาสัมผัสจึงปรึกษาข้อมูลกับนายนิกม์ ที่รู้จักกันเพราะเป็นรุ่นพี่ตั้งแต่เรียนจบหลังกลับจากต่างประเทศ จึงได้มาคุยกันเลยสอบถามช่องทางการลงทุน นายนิกม์จึงแนะนำให้เล่นหุ้นตอนนั้นมีความสนใจจึงรับซื้อหุ้นต่อจากนายนิกม์ และหลังจากที่ซื้อหุ้นมาก็ยังไม่ได้เข้าไปร่วมประชุม
เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ได้เข้าไปประชุมจึงตั้งคำถามว่า หุ้นนี้ยังมีการดำเนินกิจการธุรกิจสื่ออยู่หรือไม่ แม้จะออกจากตลาดหลักทรัพย์แล้ว แต่ก็มีการตอบคำถามกลับมาเหมือนที่อยู่ในคลิปภาพว่า หุ้นก็ยังดำเนินอยู่เหมือนเป็นความแน่ชัดว่าหุ้นนี้ยังมีโอกาสเกิดรายได้
ยอมรับว่าในวันนั้นตนเองและนายนิกม์ นั่งอยู่ด้วยกันก็ถามไปหลายเรื่อง ส่วนคำถามเกี่ยวกับการเมืองไม่ได้ถามเอง นายนิกม์เป็นคนถาม เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเขาเอง เพราะเคยถือหุ้นสื่อมาก่อนจะส่งผลอะไรต่อนักการเมืองไหมและมีโอกาสหรือไม่ ขณะที่ตนเองก็มีการพิมพ์คำถามไปในระบบออนไลน์เหมือนกัน เป็นไปตามข้อมูลที่นายนิกม์โพสต์ ซึ่งเป็นข้อมูลจริง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สังคมเกิดความสงสัย หุ้นไอทีวี ไม่ใช่ หุ้นที่ทำกำไรหรือมีรายได้ ทำไมถึงรับซื้อมา นายภาณุวัฒน์ ตอบว่า “บริษัทยังดำเนินกิจการ มีการปิดงบ ยืนยันว่า ไม่ได้เป็น “นอมินิ” ให้ใคร ซื้อหุ้นนี้ จากใจจริง ไม่ได้เตรียมกันแน่นอน” ส่วนตัวตอนนี้ รู้สึกกังวลเรื่องความปลอดภัย ไม่มีเจตนาจะไปทำร้ายหรือขัดขวางใคร อย่างเช่นกรณีเอกสารที่สื่อนำไปใช้ ก็ไม่เซนเซอร์ชื่อของตนเองเลย และขอให้สังคมอย่าเอาหลายเรื่องมาชนกันกับคนที่ร้องนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เพราะตนเองเป็นเพียงคนหนึ่งที่ถือหุ้นไอทีวี และมีสิทธิ์จะถามในที่ประชุม
ส่วนเรื่องผิดหรือถูก ตนเองมองว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และศาล จะเป็นผู้พิจารณา จึงขอให้สังคมอย่าเหมารวมจับแพะชนแกะ และตอนนี้ ก็กำลังคิดว่าอาจจะมีการคืนหุ้นนี้ให้นายนิกม์ในอนาคต