กำลังเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงในกลุ่มคนรักบุฟเฟ่ต์จำนวนมาก เนื่องจากวันที่ 1 มิถุนายน 2566 ได้มีตัวแทนจากร้านบุฟเฟต์แห่งหนึ่ง ออกมาโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กวอนขอลูกค้าสั่งซูชิมาแล้วกินข้าวด้วย เหตุเพราะเจอลูกค้าเข้ามาใช้บริการเลือกรับประทานแต่หน้าซูชิแล้วเหลือข้าวทิ้งไว้ หรือหากจะรับประทานแต่หน้าซูชิก็ขอให้สั่งซาชิมิแทน ความว่า
“อยากให้ทางลูกค้าเห็นใจทางร้านนิดนึงนะคะ เรามาจากทางร้าน xx พอดีวันนี้ เกิดลูกค้ามาใช้บริการ แล้วสั่งซูชิ แล้วทานแต่หน้าไม่ทานข้าว แล้วโวยวายกับน้องๆบอกว่าร้านอื่นก็ทานแต่หน้า มาทุกร้านไม่เห็นร้านไหนว่า
ทางร้านเลยอยากมาขอความเห็นใจ ด้วย ราคาต้นทุนวัตถุดิบก็สูง ไหนจะค่าเช่า ค่าพนักงาน ค่าน้ำค่าไฟ ที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว ทางร้านเป็นบุฟเฟ่ต์สั่งไม่อั้น ราคาเริ่มต้นแค่199
อยากจะขอ ความเห็นใจ ให้ช่วยกรุณาทานให้หมดด้วยถ้าลูกค้าจะทานแต่หน้าลูกค้าก็สั่งซาซิมินะคะ อย่าเหลือทิ้งไว้แบบนี้เลย แถมลูกค้าบอกจะไปรีวิว พนักงานอีก สงสารทางร้านเถอะนะคะ ขอความเห็นใจด้วยนะคะ”
งานนี้ทัวร์ลงฝั่งลูกค้าแบบยับ ๆ โดยหลายคนก็ได้เข้ามาคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นว่าไม่มีร้านซูชิบุฟเฟ่ต์ร้านไหนที่ให้ลูกค้ากินแต่หน้าซูชิ และอีกหลายความเห็น เช่น “ลูกค้านิสัยเสียครับ บุฟเฟ่ต์ที่ไหน ให้กินแต่หน้าซูชิ เหลือข้าวได้ ไม่มีหรอกครับ ถ้าขายเป็นชิ้นๆ ล่ะก็เป็นไปได้อยู่ ลค.ไม่น่ารักเลยครับ เอาแต่ตัวเองเกินไป” , “ต้องสั่งแบบซาซิมินะ คือต้องไปหาร้านอื่นที่ราคาสูงกว่านี้แล้วจะได้กินซาซิมิไม่อั้นค่ะ”
“ก่อนกินเขาไม่รู้จักชาชิมิกับซูชิหรือเปล่า เขียนป้ายบอกให้ชัดเจนครับ ข้าวเหลือปรับคำละเท่าไหร่เขียนเข้าไปเลยครับ มีปัญหาคุยไม่รู้เรื่องเรียกตำรวจมาเลยครับ” , “ทำแบบนี้น่าเกลียดมาก อยากกินแต่หน้าเลยเหลือข้าวไว้ ทีหลังจะกินแบบนี้สั่งซาชิมิกินเหอะ ทำนิสัยเห็นแก่ตัวอยากจ่ายน้อยแต่เอาเปรียบร้านค้าแบบนี้ไม่ดีเลย ใจเขาใจเรา สำนึกไม่ได้เลยคนพวกนี้” เป็นต้น
ถือได้ว่าเป็นเรื่องราวที่น่าเห็นใจมาก ๆ สำหรับทางร้านซูชิแห่งนี้ แต่อีกด้านหนึ่งก็นับว่าเป็นบทเรียนสำคัญให้ร้านบุฟเฟ่ต์ซูชิหลาย ๆ ร้านระมัดระวังว่าจะเจอลูกค้าแบบนี้ และควรออกกฎระเบียบให้ชัดเจนว่าจ่ายราคาเท่าไหนได้รับประทานบุฟเฟ่ต์อะไร เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันทั้งจากทางร้านและทางลูกค้า
