‘เศรษฐา’ แจง แจกเงินดิจิทัล 10000 หลังถูกถามว่าเอาเงินมาจากไหน? : เลือกตั้ง 2566

เศรษฐา ให้สัมภาษณ์ชี้แจงนโยบาย แจกเงินดิจิทัล 10000 หลังถูกถามว่าเอาเงินมาจากไหน? ชี้เป็นการกระตุ้นครั้งใหญ่ที่สุด เผยมีเวลาจำกัดในการใช้
นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย (พท.) และเคนดิเดตนายกของพรรค ได้ชี้แจงถึงนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท และตั้งคำถามว่าเป็นการแจกเงินหรือไม่นั้น
นายเศรษฐาชี้แจงกับสำนักข่าวมติชนว่า หลายนโยบายของพรรค จะเป็นการกระตุ้นครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อให้เรากลับมาทำมาหากิน มีรายได้ที่เหมาะสมได้ ฉะนั้น เราต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด จำนวนเงิน 10,000 บาท จะประกอบด้วย
1. ระยะเวลาในการใช้ คือ 6 เดือน ใช้ผ่านร้านค้า เอสเอ็มอี อุตสาหกรรมทั้งหลายจะได้ซื้อของมาตุนไว้ เพื่อจะได้มีการซื้อขาย มีการจับจ่ายใช้สอยเกิดขึ้น ทำให้เกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจ
2. ระยะทางที่เราวางไว้เบื้องต้นคือ 4 กิโลเมตร ซึ่งเราตระหนักว่า ไม่อยากให้คนเข้าไปจับจ่ายใช้สอยในห้างใหญ่ๆ อย่างเดียว เราอยากให้เขาใช้ในพื้นที่ชุมชุม เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนขึ้นมา ไม่ใช่มากระจุกตัวอยู่ที่เดียว แต่เมื่อเราเปิดตัวไป ก็มีคนบอกว่าในบางพื้นที่รัศมี 4 กิโลเมตร ไม่มีอะไรเลย เราอาจจะนำบล็อกเชนมาขีดเส้นรัศมีใหม่ได้

สำหรับคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป มีประมาณ 50 ล้านคน คิดเป็นเงินประมาณ 5 แสนล้านบาทต่อปี เราทำแค่ครั้งเดียว แถมกำหนดให้ใช้หมดภายใน 6 เดือน สมมุติพรรคเพื่อไทยได้รับเลือกตั้งเข้ามา เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และการที่จะได้ใช้งบประมาณหลังจากจัดตั้งรัฐบาลแล้วนั้น ต้องใช้เวลา สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือเราจะใส่เงินเข้าไปในกระเป๋า คนเริ่มไปจับจ่ายใช้สอย ได้ในเรื่องของภาษีที่เพิ่มมากขึ้น ภาษีนิติบุคคลจากห้างร้านก็จะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคิดเป็นเงินแสนล้านบาท
“การบริหารงบประมาณที่จะเกิดขึ้น อาจจะมาจากงบประมาณกลาง ในส่วนของอำนาจนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีปีละแสนล้านบาท โดยอาจจะนำมาใช้ประมาณ 30% หรือประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากตนได้รับเลือกเข้ามา ก็ไม่อยากใช้เงินนี้ เพราะหากเกิดกรณีฉุกเฉินขึ้นมา
เราควรจะไปโฟกัสที่รายได้มากกว่า เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะทำให้เกิดวงการหมุนเวียน 12 เท่า หรือกรณีที่บางคนบอกให้ไปตัดงบประมาณทหารมา ตรงนี้ก็ไม่สามารถทำได้ เราต้องเข้าใจว่า งบประมาณบางตัวก็ยังมีความจำเป็นอยู่ แต่อาจขอแบ่งมาบ้าง”
“ผมยืนยันว่าผมมาตรงนี้ไม่ได้มารังแกหรือกีดกันเจ้าสัว 10,000 บาท จะใช้ที่ใดก็ได้ จะซื้อที่ร้านสะดวกซื้อที่ไหนก็ได้ จะซื้อปุ๋ยหรือเมล็ดพันธุ์ก็ได้ หรือหากคุณเป็นหนี้ธนาคารพาณิชย์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถนำไปใช้หนี้ได้หรือไม่ เราก็ยังไม่ได้คุยตรงนี้ ผมจึงบอกว่าอยากเจอประชาชนอยากฟังความคิดเห็นเขา ไม่ใช่เอาความคิดเราเป็นหลักว่าต้องใช้อย่างเดียว ทั้งนี้ปัญหาใหญ่ของประเทศไทยอีกปัญหาหนึ่งคือปัญหาหนี้ครัวเรือน หากเราทำให้หนี้เขาลดลง ก็จะมีความสามารถการไปจับจ่ายใช้สอยได้มากขึ้น ซึ่งเราต้องเข้าใจเศรษฐกิจโดยรวมด้วย” นายเศรษฐากล่าว