ฟัน 4 ตำรวจขับรถนำนักท่องเที่ยวจีน โทษผิดวินัยร้ายแรง
4 ตำรวจรับนักท่องเที่ยวจีน พาเข้าคิวลัด ขับรถนำ ส่งถึงโรงแรม เจอแจ้งผิดวินัยร้ายแรง ทั้งหมดยังให้การภาคเสธ บริษัททัวร์โดนด้วยเรื่องขายแพคเกจมีจริงไหม ยืนยันไม่ได้ล่าช้าตั้งแต่เกิดเหตุมีการสอบสวนมาโดยตลอดจนถึงการตั้งคณะกรรมการ
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 พล.ต.ต. เจนกมล คำนวล ผู้บังคับการกองตรวจราชการ 8 สำนักงานจเรตำรวจ เปิดเผยว่า วันนี้ได้มีการเรียกตัว 4 ตำรวจ ที่ปรากฎในคลิปนักท่องเที่ยวจีนได้รับบริการขับรถนำขบวนจากสนามบินไปถึงโรงแรมที่พักโดยระบุว่านายตำรวจชุดดังกล่าวได้รับเงินค่าจ้าง มารับทราบข้อกล่าวหา โดยได้แจ้งข้อหาวินัยร้ายแรง ซึ่งตำรวจที่ถูกเรียกตัวได้ให้การภาคเสธ รับว่าอยู่คลิป แต่ไม่ได้ทำอะไรเสียหายต่อราชการหรือเรียกรับผลประโยชน์
ทั้งนี้ ยังได้มีการประสานเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานกลางเข้าตรวจสอบรถที่ปรากฏในคลิปด้วย สำหรับวันนี้เป็นขั้นตอนการเรียกผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาสอบปากคำ โดยคณะกรรมการสอบได้แจ้งข้อกล่าวหาวินัยร้ายแรงตำรวจทั้ง 4 นาย จากนี้ถ้าสามารถพิสูจน์ทราบได้ว่าผิดจริงมีโทษสองสถานคือไล่ออกจากราชการหรือปลดออกจากราชการ
เบื้องต้นจากการสอบสวนตำรวจทั้ง 4 นายยังให้การภาคเสธ คือยอมรับว่าปรากฏอยู่ในคลิปแต่ไม่ได้ทำการใดเป็นการเสียหายต่อราชการหรือเรียกรับผลประโยชน์อื่นใด ซึ่งคณะกรรมการอยู่ในระหว่างขั้นตอนการเรียกนักท่องเที่ยวชาวจีนเจ้าของคลิปมาให้ปากคำ โดยจะใช้ระบบออนไลน์ไม่จำเป็นต้องเชิญตัวมา เช่นเดียวกับกรณีของบริษัททัวร์ที่มีการระบุว่าจะแพคเกจ ตำรวจนำขบวนอยู่ในระหว่างการเรียกสอบ
สำหรับการพิสูจน์ทราบรถที่อยู่ในคลิปดังกล่าว พล.ต.ต. เจนกมล คาดว่าหลังจากนี้ไม่เกิน 1 สัปดาห์จะทราบผลตรวจ โดยจากที่เห็นวันนี้รถทั้งหมดที่ปรากฎในคลิปไม่มีติดสติกเกอร์โล่ตำรวจแล้วเพราะเจ้าของรถมีการลอกสติกเกอร์ดังกล่าวออกไป ในส่วนนี้ทาง กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค1 ได้ดำเนินคดีอาญาไปเรียบร้อยแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้ล่าช้าเพราะตั้งแต่เกิดเหตุมีการสอบสวนมาโดยตลอด จนถึงการตั้งคณะกรรมการ
อย่างไรก็ตาม ในการสอบสวนยังคงไม่มีการขยายผลไปถึงนายตำรวจรายอื่นแต่หลังจากนี้หากมีการพาดพิงถึงทางสำนักงานจเรตำรวจจะต้องมีการเรียกตัวทุกนายที่มีการเอ่ยชื่อถือเข้ามาให้ปากคำโดยกรอบเวลาของการดำเนินการเรื่องนี้เหลืออีก 165 วัน แต่ทางคณะกรรมการคาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกิน 60 วัน อย่างไรก็ตาม สำหรับสถานะนายตำรวจทั้ง 4 นาย ขณะนี้ถูกต้นสังกัดสั่งให้ไปปฎิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ปฎิบัติการ (ศปก.)