ไทยสร้างไทย สร้างอนาคตไทย ประกาศจับมือเป็นพันธมิตร ยังไม่รวมพรรค
ไทยสร้างไทย สร้างอนาคตไทย ประกาศจับมือเป็นพันธมิตร ยืนยังยังไม่รวมพรรค ชี้ตอนนี้อุดมการณ์ทางการเมืองตรงกัน
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย, นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย นายโภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ ได้ร่วมรับประทานอาหารที่และพูดคุยหารือถึงอนาคตของทั้งสองพรรคที่ร้าน Corner สุขุมวิท 26
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ตนและนายสมคิดทำงานร่วมกันมาหลายสิบปี ในฐานะที่พวกเราผ่านประสบการณ์มามองเห็นถึงปัญหาประเทศด้วยความห่วงใยและในฐานะที่ตนเป็นแม่คนเห็นว่า ถ้าเราปล่อยให้ประเทศเป็นแบบนี้โลกเราจะอยู่อย่างไรคนรุ่นใหม่จะอยู่อย่างไร ดังนั้นจึงพูดติดปากว่า การทำภารกิจครั้งนี้ในการสร้างพรรคการเมือง เพื่อที่จะทำให้ประเทศไทยดีกว่านี้ และจะส่งมอบให้คนรุ่นต่อไป
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ตนและนายสมคิดทำงานร่วมกันมาหลายสิบปี ในฐานะที่พวกเราผ่านประสบการณ์มามองเห็นถึงปัญหาประเทศด้วยความห่วงใยและในฐานะที่ตนเป็นแม่คนเห็นว่า ถ้าเราปล่อยให้ประเทศเป็นแบบนี้โลกเราจะอยู่อย่างไรคนรุ่นใหม่จะอยู่อย่างไร ดังนั้นจึงพูดติดปากว่า การทำภารกิจครั้งนี้ในการสร้างพรรคการเมือง เพื่อที่จะทำให้ประเทศไทยดีกว่านี้ และจะส่งมอบให้คนรุ่นต่อไป สิ่งที่ต่างคนต่างมีประสบการณ์จะมาแลกกัน มาหาแนวทางว่าเราจะทำอะไรให้กับบ้านเมืองได้บ้าง วันนี้เป็นการพูดคุยเป็นพันธมิตรทางการเมืองด้วยกัน
ในส่วนของอนาคตทั้งสองนั้น นายสมคิดกล่าวว่า ตนอยู่ในการเมืองเกือบ 20 ปี พวกเราก็ตั้งใจทำงานกันมาโดยตลอด อยากเห็นประเทศชาติรุ่งเรืองอยากเห็นประชาชนเป็นสุข ตนขอบอกกับประชาชนเลยว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยเห็นยุคใดสมัยใดที่การเมืองของเราค่อนข้างย่ำแย่อย่างถึงที่สุด จนอดเป็นห่วงไม่ได้ ทั้งในเชิงของความรับผิดชอบต่อหน้าที่ทางการเมืองเพื่อขับเคลื่อนประเทศ ทั้งในเชิงของการใช้ทรัพยากรเพื่อแย่งชิงผู้สมัครส.ส. อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนที่ทำกันอย่างโจ่งแจ้งมีการโยกย้ายลาออกไม่เว้นแต่ละวัน
นอกจากนั้นในเชิงของความไม่สามารถบริหารภาครัฐ การแก้ไขปัญหาปากท้อง รวมถึงการขับเคลื่อนประเทศและนโยบายที่จะให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าด้วยความจริงจัง โปร่งใส โดยเรื่องของการสร้างความสามัคคีปรองดอง เราอยู่ในวังวนของความไม่สามัคคีแตกแยกกันมากว่า 10 ปีแล้ว จนประเทศอื่นข้ามเราไปหมดแล้ว มันน่าเสียดายและเสียใจ ถ้าปล่อยให้บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ต่อไป บ้านเมืองก็จะค่อยๆทดถอยและแก้ปัญหาภายในไม่จบ
ว่า ประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้นไม่ใช่อย่างนี้ ประชาชนคนไทยก็ไม่ควรที่จะได้แต่นั่งมองดู ซึ่งไม่มีทางออก นั่งรอชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ หากไม่เปลี่ยนแปลง บ้านเมืองก็จะถอยหลังไปเรื่อยๆ จนกู่ไม่กลับ ตนคิดว่าถึงเวลาแล้วที่คนไทยต้องละวางในอัตตา ทุกคนจะต้องมาช่วยร่วมมือกันแก้ไขปัญหาประเทศให้ได้เพื่อลูกหลานของเรา ตนกับคุณหญิงสุดารัตน์และนายโภคินร่วมงานกันมานาน ซึ่งคุณหญิงสุดารัตน์ในสายตาของตนเป็นนักต่อสู้ทางประชาธิปไตยที่แนวแน่ ตนมองเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง แต่น้องสาวคนนี้แข็งแกร่งทำงานหนักเป็นแม่ที่ดี เป็นภรรยาที่ดีและยังเสียสละเวลาให้บ้านเมืองตนขอชื่นชม ส่วนนายโภคินเป็นนักกฎหมายชั้นครูที่รู้จักและสามารถใช้กฎหมายในการแก้ปัญหาให้กับประเทศ และสร้างอนาคตให้กับประเทศได้
ส่วนนายอุตตมและนายสนธิรัตน์ก็มีความคุ้นเคยและมีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจในหลายกระทรวง ฉะนั้นการที่ทั้งสองฝ่ายมีโอกาสมาพบปะหารือกันก็เพราะว่าความห่วงใยต่อบ้านเมือง ตนคิดว่าจากการหารือมาเป็นระยะ คือการหาทางออกให้กับบ้านเมือง ทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจและการปรองดองแห่งชาติ สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถบรรลุได้ด้วยคนไม่กี่คน ต้องอาศัยพลังที่ยิ่งใหญ่อย่างพี่น้องประชาชน จากการหารือ จากการนั่งคิด เราก็เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ให้กับประเทศ ตนอยากใช้โอกาสนี้ชวนประชาชนและนักการเมืองที่ตั้งใจดี มุ่งมั่นที่จะสร้างบ้านสร้างเมือง มาร่วมกับพวกเราหานโยบายดีๆ พัฒนาประเทศเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนเราไม่มีการแบ่งแยก ดังนั้นในวันนี้ นี่คือความจากใจของพวกเราส่วนเรื่องอื่นก็คอยติดตามดู
นายโภคิน เผยถึงสาเหตุที่ นายโภคิน ยังไม่สามารถควบรวมพรรคได้ว่า บางทีเราไปมองปลายทางก่อน ทุกอย่างต้องเริ่มจากว่าอุดมการณ์ตรงกันหรือไม่ ความเสียสละมุ่งมั่นต่างๆ รวมถึงยุทธศาสตร์และนโยบายตรงกันหรือไม่ หรือมีตรงไหนที่แตกต่างกัน รวมถึงผู้คนที่จะมาพูดคุยเป็นอย่างไรกันบ้าง ถ้าไม่เริ่มต้นอย่างนี้ก่อน มันเดินไปปลายสุดไม่ได้ ส่วนมากพวกเราอยากจะเห็นปลายสุดก่อน แต่เราไม่ได้มองอย่างนั้น เราคุยกันเป็นระยะถ้าตกผลึกแล้ว จะทำอะไรกันต่อไปก็จะมีการแจ้งให้ทราบอีกครั้ง