กระหึ่ม “มิ่งขวัญ” รับ เหตุผลเข้าพลังประชารัฐ เพราะได้ลุ้นเป็นแคนดิเดตนายก
สรุปแถลงข่าว มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ เผย 3 เหตุผลตอบรับคำเชิญประวิตร มาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนด้านเศรษฐกิจ ไม่เป็นกรรมการบริหารพรรค และเหตุผลสำคัญ ประวิตรเตรียมเสนอชื่อมิ่งขวัญเข้าวาระการประชุม เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค
วันนี้ 6 ธันวาคม 2565 เวลาประมาณบ่ายสามโมงครึ่ง ที่พรรคพลังประชารัฐ ได้มีการจัดแถลงข่าวต้อนรับ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และส.ส.หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่เข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ โดยมิ่งขวัญได้สวมเสื้อพรรคเรียบร้อยแล้วก่อนแถลงข่าว
เริ่มต้น พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณกล่าวเปิดว่า เป็นโอกาสดีที่พรรคพลังประชารัฐต้อนรับมิ่งขวัญเข้ามาอยู่ในพรรค ของแสดงความยินดีกับมิ่งขวัญและตัวพรรคเอง เพื่อช่วยกันทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น เป็นความมุ่งหมายของพรรค เพื่อให้ประชาชนมีชีวิตที่ดี สมาชิกพรรคทุกคนขอต้อนรับมิ่งขวัญด้วยความยินดียิ่ง
มิ่งขวัญ เปิด 3 เหตุผลมาเข้าพลังประชารัฐ ไม่มีประยุทธ์ ได้ลุ้นเป็นแคนดเดต นายกรัฐมนตรี
หลังจากนั้น นายมิ่งขวัญได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนถึงเหตุผลที่เลือกมาอยู่พลังประชารัฐว่า การเลือกมาอยู่พรรคนี้ เหตุผลคือ 1. ให้เครดิตประวิตรทีให้เกียรติเชิญมาช่วยเศรษฐกิจประเทศ ประชาชนต้องทนทุกข์ทรมานมาหลายปี ท่านเรียกผมว่า “มิ่งขวัญมาช่วยผมแก้ปัญหาเศรษฐกิจกับท่าน” จากนั้นได้เปิดใจคุยกับท่าน ว่าตนจะไปอยู่ตรงไหนของพรรค ท่านให้มาช่วยเรื่องเศรษฐกิจ มาเติมเต็มคนที่เก่งอยู่แล้ว 2. พลเอกประยุทธ์ ไม่ได้อยู่พรรคนี้แล้ว ข่าวล่าสุดเมื่อตอนเที่ยงยืนยันว่า ท่านไปอยู่พรรคอื่นแล้ว
ตนยืนยันไม่ได้มีปัญหากับพลเอกประยุทธ์ แต่ที่ตอนอภิปรายสมัยก่อน ท่านเป็นนายก ประเทศไม่สำเร็จ เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ก็ไม่สำเร็จ เป็นหัวหน้า ศบค คนตาย 2 หมื่นกับศพ ที่ผ่านมาตนอภิปรายคนเดียวคือพลเอกประยุทธ์ ท่านอาสาเข้ามาแต่ไม่สำเร็จก็ต้องอภิปราย
3. ตนมาแถลงเปิดตัว เทรนด์ทวิตก็มีแนวโน้มขึ้นไปอันดับ 1 ขอบคุณสื่อมวลชนที่ลงข่าวเยอะมาก ๆ ถ้าไม่เปิดใจวันนี้คนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตนถึงพลิกกลับไปมา ไม่รักษาคำพูดเหรอ
ตนอยากชี้แจงเรื่องตระบัดสัตย์ให้ชัด ตนเคยเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ช่วงสั้น ๆ กรรมการบริหารพรรคมีมติว่า 6 เสียงจะเอาไง ทุกเสียงยืนยันว่าไม่ร่วมรัฐบาล ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เปลี่ยนแปลง แต่สื่อตัดมาบางส่วน ท่านต้องดูเนื้อหาทั้งหมด ตนบอกว่าไม่สามารถร่วมอุดมการณ์ได้ เพราะตอนนั้นพลเอกประยุทธ์ ได้รับเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตเพียงชื่อเดียว
3 ปีกว่า ตนก็อภิปรายประยุทธ์มาต่อเนื่อง เมื่อถึงเวลาตนจึงยื่นใบลาออก ผมตัดสินใจแล้วว่าพอในสภา แต่ผมไม่ได้ยุติบทบาททางการเมือง
เมื่อตนลาออกแล้ว ทั้งหมดจบ ไม่พูดไม่ได้เลยคือ ยืนยันต่อหน้าคนไทยทั้งประเทศ ได้คุยกับประวิตร ที่มาอยู่ตรงนี้ไม่มีการเจรจาเรื่องเงินแม้แต่บาทเดียว ส่วนที่ทำให้ตนตัดสินใจมาคือ
1. มาช่วยประชาชนที่กำลังเดือดร้อน ตนไม่ได้ประดิษฐ์วาทะกรรมให้สวยงาม ผมกำลังเอาตัวตนของผมมาดูแลความทุกข์ยากของประชาชน
2. ตนไม่ขอเป็นกรรมการบริหารพรรค
3. ให้มาขอช่วยเรื่องเศรษฐกิจ เพราะตนถนัดเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ตนมีหน้าที่ออกดีเบทในสงครามเลือกตั้งที่จะมาถึงปี 2566 จึงต้องมีตำแหน่งบางอย่างเพื่อจะมีสิทธิดีเบต อ้างอิงจากคราวที่แล้ว พลเอกประถวิตร จึงบอกว่า จะพิจารณาเอาเข้าวาระการประชุมให้มิ่งขวัญเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกของพรรคพลังประชารัฐ ปี 2566 เพื่อให้ตนมาดูแลปากท้องพี่น้องประชาชน
ในตอนท้ายของแถลงข่าว พลเอกประวิตรยืนยัน พลเอกประยุทธ์ไปแล้วจากพรรคพลังประชารัฐ ส่วนเรื่องจะกลับมาร่วมมือกับพลเอกประยุทธืในอนาคตไหมยังไม่ตอบ