รีวิว ‘The Menu 2022’ เมนูสยอง ดินเนอร์แห่งความตาย มื้ออาหารชำระบาปของเหล่าเศรษฐี
จงสัมผัสรสชาติแห่งการชำระบาป เตรียมลิ้มลองอาหารจานมรณะใน “The Menu 2022” เมนูสยอง เมื่อคูู่รักหนุ่มสาว จองดินเนอร์สุดหรูบนเกาะส่วนตัว ก่อนจะพบความจริงขวัญผวาของเบื้องหลังการเลือกวัตถุดิบในการประกอบอาหารสำหรับลูกค้าวีไอพีบนเกาะแห่งนี้เท่านั้น
ทั้งน่ากินและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน คือนิยามของภาพยนตร์สยองขวัญแห่งปีอย่างเรื่อง The Menu 2022 เมนูสยอง ที่เข้าฉายแล้วในประเทศไทยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน 2565 กำกับโดย มาร์ค ไมลอด พร้อมเสิร์ฟอาหารที่บอกเล่าเรื่องราวของวัตถุดิบแต่ละจานได้อย่างน่าสนใจ ผ่านตัวละครหลักสองตัวคือ มาร์โก กับ ไทเลอร์ ที่ได้จองตั๋วไปดินเนอร์มื้อพิเศษบนเกาะส่วนตัวแห่งหนึ่ง นอกจากความสยองแล้ว The Menu ยังแฝงไปด้วยความตลกร้ายเสียดสีสังคม และบรรยากาศอึดอัดลุ้นใจหายแทบทุกฉากเลยก็ว่าได้
เรื่องย่อ The Menu 2022
The Menu 2022 เมนูสยอง เรื่องราวเกี่ยวกับคู่รักหนุ่มสาวนามว่า มาร์โกต์” (นำแสดงโดย แอนยา เทย์เลอร์-จอย) กับ “ไทเลอร์” (นำแสดงโดย นิโคลัส เฮาลต์ ) ที่ตัดสินใจจองดินเนอร์มื้อพิเศษระดับ Fine Dining บนเกาะส่วนตัวแห่งหนึ่งชื่อภัตตาคารว่า “ฮาวธอร์น” ควบคุมและบริหารร้านโดยเชฟชื่อดังนามว่า “เซฟสโลวิก” (รับบทโดยราล์ฟ ไฟน์) ซึ่งจะรับเฉพาะแขกที่จองแบบวีไอพีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ดินเนอร์มื้อนี้ประกอบด้วยแขกคนสำคัญทั้งหมด 12 คน แม้ว่าจะเต็มไปด้วยเศรษฐีและเหล่าคนดัง แต่ทั้งมาร์โกต์และไทเลอร์กลับสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลในภัตาคารแห่งนี้ จนนำไปสู่การเสิร์ฟอาหารแห่งความสยองขวัญและเรื่องราวสุดเซอร์ไพรส์ในตอนท้าย
บรรยากาศความสยองของ “The Menu”
สำหรับภาพยนตร์สยองขวัญแนวมื้ออาหารเมนูเปิบพิศดารจะมีกันให้เห็นดาษดื่นก็จริง แต่ในเรื่องเมนูสยอง The Menu 2022 กลับผิดคาดจากที่คิดเอาไว้ว่าคงเป็นเพียงหนังสยองขวัญที่นำเสนอมื้ออาหารชวนอ้วกทั่ว ๆ ไป
ทว่า The Menu กลับนำเสนอภาพของเมนูอาหารประดุจออกมาจากรายการมิชลินสตาร์ และคอร์สอาหารจานอื่น ๆ ที่ถูกเสิร์ฟภายในเรื่องก็งดงามราวกับเป็นงานศิลปะเลยก็ว่าได้ แต่สิ่งที่หลบซ้อนภายใต้อาหารจานหรูที่ถูกเสิร์ฟในดินเนอร์นี้ คือเบื้องหลังของวัตถุดิบที่ถูกคัดสรรมาทำเป็นอาหารในแต่ละคอร์ส
แถมยังแฝงนัยสำคัญบางอย่างเกี่ยวกับประเด็นเรื่องชนชั้นและการเมืองได้อย่างแนบเนียนและสุขุมลุ่มลึก ผ่านฝีมือการแสดงของ ราล์ฟ ไฟน์ จนทำให้คนดูไม่สามารถเดาทางได้เหมือนกับหนังสยองขวัญทั่ว ๆ ไป พร้อมบทสรุปที่เซอร์ไพรส์คนดูชนิดที่ลุ้นกันตัวเกร็งเลยทีเดียว
การแสดงที่เข้าถึงบทบาท
นอกจากนี้ผู้ชมยังจะได้รับรู้ถึงขั้นตอนการเสิร์ฟอาหารแต่ละคอร์สว่ามีกระบวนการคิดที่ซับซ้อนเป็นมากกว่าแค่มื้ออาหารจานหรู แต่เป็นงานศิลปะที่สะท้อนถึงตัวตนของเชฟได้อย่างน่าสนใจ พร้อมทั้งการแสดงแบบจัดเต็มของ แอนยา เทย์เลอร์-จอย ซึ่งรับบทเป็น มาร์โก ที่ทำออกมาได้อย่างเข้าถึงบทบาทจนทำให้ชวนติดตามตลอดทั้งเรื่อง
ส่วนนิโคลัส โฮลต์ ที่รับบทเป็น ไทเลอร์ กับการต้องสวมบทบาทเป็นตัวละครที่มีความซับซ้อนสับสนภายในจิตใจ และเป็นหนึ่งในตัวละครที่ทำให้คนดูต้องคิดตามติดตลอดทั้งเรื่องเช่นกัน เรียกว่าการผสมผสานเนื้อเรื่องเข้มข้นกับอินเนอร์ของนักแสดงทำให้การรับชมภาพยนตร์เรื่อง The Menu ก็เป็นเหมือนกับการรับชมงานศิลปะดี ๆ ด้วยนั่นเอง
เนื้อหาเสียดสีสังคมบริโภคนิยมใน The Menu
จุดเด่นของภาพนยนตร์เรื่อง The Menu เมนูสยอง คือการกล่าวเปรียบเทียบถึงการไร้ความผิดชอบของบรรดานักวิจาร์ณอาหารและลูกค้าที่มารับประทานอาหาร ที่ชอบยกตนเองเป็นที่ตั้งของวงการทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นคนลงมือทำอาหารเองด้วยซ้ำ
แต่กลับแสดงความคิดเห็นซึ่งเป็นการฆ่า “เชฟ” จากภายในทำให้กลุ่มคนที่ประกอบอาหารสูญเสียตัวตนของตนเองและต้องไหลไปตามกระแสของการบริโภคที่เน้นความฉาบฉวย ปราศจากการเข้าถึงแก่นแท้
ทั้งนี้การตีความเรื่องการเสียดสีสังคมอาจขึ้นอยู่กับทัศนะความเห็นของผู้ชมที่รับสารจากภาพยนตร์ ไม่ได้มีกฎตายตัวว่าหนังต้องการจะสื่อถึงเรื่องนี้เพียงประเด็นเดียว ซึ่งนี่ก็คือความสนุกของภาพยนตร์เรื่อง The Menu ที่ผู้ชมจะได้รับตลอดทั้งเรื่องนั่นเองครับ
ความน่าดูของ The Menu 2022
ภาพยนตร์เรื่อง “The Menu 2022” เมนูสยอง ประเภทหนังตลกเขย่าขวัญ ความยาว 106 นาที ทีมงานเดอะไทยเกอร์ให้คะแนน 7.2 เต็ม 10 ส่วนทางด้านเว็บไซต์คะแนนภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง RottenTomatoes ที่ได้คะแนนจากฝั่งผู้ชมไปมากถึง 83 เปอร์เซ็นต์ และคะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์สูงถึง 91 เปอร์เซ็นต์ เรียกว่าบาลานซ์กันทั้งสองฝั่ง จึงควรค่าแก่การไปรับชมในโรงภาพยนตร์
จากที่กล่าวไปข้างต้นว่าในส่วนของบทบาทนักแสดงและการดำเนินเรื่องใน The Menu เป็นไปอย่างสอดคล้องลงตัว แม้จะเป็นหนังที่ต้องตีความในระดับหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ยากทุกจุดถึงขนาดว่าดูกันไม่รู้เรื่อง ทั้งยังทิ้งปมปริศนาไว้ให้คนดูเก็บไปขบคิดกันได้อีกนาน ๆ
สำหรับคนที่ไม่ชอบภาพยนตร์สยองขวัญที่ไม่ได้มีฉากจั๊พสแกหวือหวาก็อาจจะต้องผิดหวังสักหน่อย แต่เรื่องบรรยากาศความกดดันตลอดทั้งเรื่องบอกเลยว่าไม่แพ้หนักสยองขวัญโหด ๆ แน่นอนครับ
สรุปคะแนนจากทีมงานเดอะไทยเกอร์
-
- งานภาพ โปรดักชั่น : 7/10
- บท : 7/10
- การแสดง : 8/10
- ดนตรีประกอบ : 7/10
- ความสนุก : 7/10