ข่าว

คดีสาวหล่อ อ้างถูกข่มขืน ทนายนักธุรกิจงัดหลักฐานโต้ ยันคบกันเปิดเผย

คดีสาวหล่อ อ้างถูกข่มขืน ร่างกฎหมายทาส ทนายฝ่ายผู้เสียหาย งัดหลักฐานออกมาชี้แจง เผย คบกัน 2 หญิง 1 ชาย พาเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ สัญญาเป็นเพียงป้องกันในเรื่องชู้เท่านั้น ไม่มีการบังคับขู่เข็ญ

เมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 10 พฤศจิกายน นายเอกสิทธิ์ ศรีสังข์ ทนายความของ 2 สามี ภรรยา ซึ่งถูกสาวหล่อเข้าแจ้งความดำเนินคดี โดยอ้างว่าถูกข่มขืน และถูกบังขู่เข็ญ ให้ใช้ชีวิตอยู่กันแบบ 3 คน ผัวเมีย ได้ออกมาแถลงข่าวกับสื่อมวลชนที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ชลบุรี ระบุ กรณีที่สาวทอมอดีตลูกจ้างทำงานเกี่ยวกับบัญชี ที่บริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ชลบุรี แจ้งความว่าถูกข่มขืนกระทำชำเราหรือกักขังหน่วงเหนี่ยว

ความจริงจากการให้ข้อมูลของทนายของผู้ที่ถูกแจ้งความ ชี้เรื่องนี้ถือว่า เป็นชู้กับเมียเจ้าของบริษัทโลจิสติกแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ชลบุรี พอมาถูกจับได้ก็มีการพบและเลิกกับภรรยาผู้เสียหายหลายครั้ง ระหว่างที่คบหากันได้มีการพูดจาขอความเห็นใจ และได้เงินจากภรรยาของผู้เสียหายไปไม่น้อยกว่า 500,000 บาท พร้อมทรัพย์สินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ แหวนแบรนด์เนม แต่พฤติกรรมของสาวทอมก็ยังไม่ยอมหยุด จนเวลาเนิ่นนานกว่า 5-6 ปี และมีการจับได้เมื่อช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา

หลังจากนั้นผู้เสียหายฝ่ายชายได้เสนอทางเลือก 2 ทางคือ ต้องคืนเงินรวมทั้งทรัพย์สินที่ได้ไป หรือหากรักภรรยาของผู้เสียหายมาก เมื่ออยู่กันมา 5-6 ปี จึงเสนอให้มาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน หลังจากนั้นจึงได้ตกลงมาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน ในลักษณะชาย 1 หญิง 2 มาอยู่บ้านเดียวกัน และมีสัมพันธ์ในเชิงชู้สาว และมีเพศสัมพันธ์กันโดยความสมัครใจยินยอมด้วยกันทุกฝ่าย รวมทั้งมีการไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ อย่างเปิดเผยทั้งในและต่างประเทศ และหลับนอนด้วยกันโดยไม่มีการกักขังหน่วงเหนี่ยวแต่อย่างใด

การไปท่องเที่ยวก็มี อาทิ ไปประเทศสิงคโปร์ นอนโรงแรมหรูในพัทยา รวมทั้งโรงแรมในกรุงเทพฯ ไปร้านอาหารก็ถ่ายรูปร่วมกันทั้ง 3 คนกันอย่างเปิดเผย

นายเอกสิทธิ์ กล่าวว่า ต่อมาฝ่าย สาวหล่อได้มีการร้องขอการไปอยู่ในลักษณะชาย 1 หญิง 2 หากไม่มีการพอใจกันขึ้นมาอาจจะมีการฟ้องร้องในเรื่องของการเป็นชู้ เพราะผู้เสียหายมีทะเบียนสมรสกันอยู่ จึงทำข้อตกลงเพื่อป้องกันตัวเอง โดยมีข้อห้ามในเรื่องการทำร้าย ทำให้เสียชื่อเสียง แต่ข่าวที่ออกไปกลายเป็นสัญญาทาส จากการตรวจสอบหลักฐานแล้ว ไม่ใช่เป็นเรื่องของสัญญาทาสแต่อย่างใด แต่เป็นการทำสัญญาที่มีข้อตกลงกันเอง โดยไม่การบังคับหรือขู่เข็ญแต่อย่างใด

นายเอกสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ในเรื่องนี้ไม่กังวลในการต่อสู้คดีในชั้นศาล แต่ต้องมาพูดเพราะว่า หากไม่พูดสังคมจะไม่เข้าใจ สุดท้ายเชื่อว่าคดีจะจบลงด้วยดี เพราะถือว่าเป็นคนในครอบครัว แต่มีปัญหาไม่เข้าใจกันเท่านั้นเอง สุดท้ายหากมานั่งคุยและปรับความเข้าใจกันเชื่อทุกฝ่ายคงจบลงไปด้วยดี

ส่วนสัญญาที่อ้างว่าเป็นทาสดูแล้วเป็นเรื่องข้อตกลงมีการคบกัน 3 คน หากจะเลิกก็ต้องสมัครใจเลิกกันทั้ง 3 คน และจะไม่ทำร้ายกัน ซึ่งไม่มีการบังคับอะไรกันเลย ส่วนการประสานงานกับทางสาวทอมนั้น ยอมรับว่าติดต่อไปแล้ว แต่ไม่มีการตอบไลน์ หากพนักงานสอบสวนออกมาหมายเรียกมาคงต้องไปชี้แจง ยอมรับว่าสองผัวเมียขณะนี้เครียดมาก จากที่มีข่าวออกมา

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button