ข่าวต่างประเทศ

ประวัติ ‘สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3’ จากเจ้าฟ้าชายสู่ประมุขแห่งสหราชอาณาจักร

จากเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์โลก หลังจากสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2565 ทำให้เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ต้องขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์ใหม่ของสหราชอาณาจักรในทันที โดยมีพระยศเป็น “พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3” หรือ “กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3” นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของผู้คนทั่วโลก

และล่าสุดในวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ทางสำนักพระราชวังอังกฤษจะจัดพิธีบรมราชาภิเษกขึ้น โดยถือว่าเป็นพิธีบรมราชาภิเษกครั้งสำคัญในรอบ 70 ปีของราชวงศ์อังกฤษเลยก็ว่าได้ ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญของโลกที่กำลังถูกสายตาของมวลมนุษยชาติจับตามอง

วันนี้เดอะไทยเกอร์จึงขอถือโอกาสพาทุกคนไปทำความรู้จักพระราชประวัติของกษัตริย์องค์ใหม่ของสหราชอาณาจักร “สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3” หรือ “สมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3” องค์นี้กัน

ประวัติ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จากมกุฏราชกุมารสู่ตำแหน่งกษัตริย์

เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ หรือ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 มีพระนามเต็มว่า “ชาร์ลส์ ฟิลิป อาร์เธอร์ จอร์จ” ประสูติเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2491 ณ พระราชวังบักกิงแฮม กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พระบิดาคือเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ และพระมารดาคือสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ปัจจุบัน พระเจ้าชาร์ลที่ 3 มีอายุ 73 พรรษา

พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 มีพระยศตั้งแต่ประสูติว่า “เจ้าชายชาร์ลส์แห่งเอดินบะระ” เนื่องจากพระเจ้าจอร์จที่ 6 ผู้เป็นพระอัยกา (ตา) ได้มีพระราชโองการให้พระราชโอรสและพระราชธิดาของเจ้าหญิงเอลิซาเบธ (ควีนเอลิซาเบธที่ 2) ดำรงตำแหน่งเจ้าหญิงและเจ้าชายแห่งสหราชอาณาจักรได้ตั้งแต่เกิด

เจ้าชายแห่งเวลส์
ภาพจาก : www.princeofwales.gov.uk

พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 มีพี่น้องทั้งหมด 3 พระองค์ ได้แก่ เจ้าหญิงแอนน์ เจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก และ เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เอิร์ลแห่งเวสเซกซ์ โดยหลังจากที่พระราชมารดาขึ้นครองราชย์เป็นควีนเอลิซาเบธที่ 2 กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ก็ได้รับพระอิสริยยศเป็นดยุกแห่งคอร์นวอลล์

ทั้งนี้ กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ก็ยังได้ดำรงพระอิสริยยศเป็นดยุกแห่งรอธซีย์ เอิร์ลแห่งคาร์ริก บารอนแห่งเรนฟรูว์ ลอร์ดแห่งไอลส์ เจ้าชายและข้าหลวงใหญ่แห่งสกอตแลนด์ และในปัจจุบันก็ดำรงพระยศเป็น “พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3” หลังควีนเอลิซาเบธที่ 2 สวรรคต

เจ้าชายชาร์ลส์
ภาพจาก : www.royal.uk

สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กับวัยเยาว์ที่ต้องห่างเหินกับครอบครัว

ชีวิตในวัยเด็กของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 นั้นมีเหตุให้ต้องแยกจากพระมารดาตั้งแต่อายุเพียง 1 ขวบ เนื่องพระมารดาเดินทางติดตามพระสวามีที่เป็นทหารเรือไปยังประเทศอื่น จึงทำให้พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ต้องอยู่ในการดูแลของพี่เลี้ยงเป็นส่วนใหญ่

อีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กับพระมารดา หรือ ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ค่อนข้างห่างเหินกัน คือเหตุการณ์ที่ควีเอลิซาเบธเสด็จกลับจากการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ และทรงงานต่อทันทีถึง 4 วัน อีกทั้งยังเสด็จชมการแข่งม้าอีก 1 วัน แทนที่จะเดินทางไปหาพระโอรสก่อน

เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์
ภาพจาก : www.princeofwales.gov.uk

แต่อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวก็ไม่ได้เป็นตัวตัดสินต่อความรักที่พระมารดามีต้อเจ้ากษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 เพราะในช่วงเจริญวัยและต้องเข้ารับการศึกษา ทางเจ้าชายฟิลิปและควีเอลิซาเบธที่ 2 ตั้งใจไว้ว่าจะให้กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ได้รับการศึกษาแบบปกติ

เหตุนี้เองจึงทำให้กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ในฐานะรัชทายาทของอังกฤษพระองค์แรก ได้รับการศึกษาในโรงเรียนแบบปกติทั่วไป ณ โรงเรียนฮิลล์ เฮาส์ ในกรุงลอนดอน สำหรับการศึกษาในระดับอุดมศึกษา พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงจบจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ทรงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอักษรศาสตร์และประวัติศาสตร์

กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3
ภาพจาก : www.princeofwales.gov.uk

ชีวิตส่วนพระองค์ของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชฮาณาจักร

หลังสำเร็จการศึกษา กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ก็ได้เดินตามรอยพระราชบิดาด้วยการสมัครเป็นทหาร ทรงพระปรีชาสามารถและสอบผ่านหลักสูตรนักบินเฮลิคอปเตอร์ได้ และหลังจากที่เข้าประจำการ ณ ฐานทัพอากาศแครนเวลล์ ก็ได้ย้ายไปเป็นศึกษาวิชาทหารเรือ

ในภายหลังพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ก็ได้รับตำแหน่งเป็นผู้บังคับการเรือทำลายทุ่นระเบิด HMS Bronington และในภายหลังก็ได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บังคับการเรือรบราชนาวีอังกฤษ และเมื่อมีพระชนมายุได้ 28 พรรษา กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ก็ได้ทรงก่อตั้งองค์กรการกุศล โดยเป็นองค์กรที่ทำงานในหลากหลายด้าน

พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3
ภาพจาก : www.princeofwales.gov.uk

ในปี พ.ศ. 2520 เจ้าชายแห่งเวลส์ หรือ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงได้พบกับเลดี้ไดอานา สเปนเซอร์ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งสองคนได้หมั้นหมายกันในปี พ.ศ. 2524 และต่อมาในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกันนี้เองก็ได้มีงานอภิเษกสมรสระหว่างกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 และ เลดี้ไดอานา ที่วิหารเซนต์พอล

ความรักของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 กับเจ้าหญิงไดอานาเป็นที่จับตาของผู้คนทั่วโลก แม้จะมีกระแสสื่อออกมาว่าพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ไม่ได้มีความรู้สึกรักต่อเจ้าหญิงไดอานาแต่อย่างใด แต่ทั้งสองพระองค์ก็ให้กำเนิดพระราชโอรสด้วยกันถึงสองพระองค์ คือ เจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์ และ เจ้าชายเฮนรี ดยุกแห่งซัสเซกซ์

เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เจ้าหญิงไดอานา
ภาพจาก : www.princeofwales.gov.uk

แม้กระนั้น ก็ยังคงมีกระแสข่าวเกี่ยวกับชีวิตคู่ของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 และเจ้าหญิงไดอานาออกสู่สาธารณชนบ่อยครั้ง อีกทั้งยังมีข่าวว่าเจ้าชายแห่งเวลส์พระองค์นี้ทรงกลับไปมีความสัมพันธ์อันดีกับคนรักเก่าอย่าง คามิลลา ปาร์กเกอร์-โบว์ลส์ เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวฉาวของเจ้าหญิงไดอานากับชายอื่น

ต่อมาในปี พ.ศ. 2539 พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ก็ได้ตัดสินใจหย่าขาดกับเจ้าหญิงไดอานา อย่างไรก็ตามแม้จะเลิกรากันไปแล้ว แต่ในเหตุการณ์ที่เจ้าหญิงไดอานาประสบอุบัติเหตุและสิ้นพระชนม์ที่กรุงปารีส พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กับพี่สาวของเจ้าหญิงไดอานาก็ได้เดินทางไปยังประเทศฝรั่งเศสเพื่อรับพระศพเจ้าหญิงไดอานากลับอังกฤษ

เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ พระชายา
ภาพจาก : www.royal.uk

ในปี พ.ศ. 2548 กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 และคนรักเก่าอย่าง คามิลลา ปาร์กเกอร์-โบว์ลส์ ก็ได้แต่งงานกันในวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2548 ท่ามกลางเสียงทัดทานจากความไม่พอใจของคนในพระราชสำนัก โดยการแต่งงานครั้งนี้เป็นการสมรสแบบพลเมืองทั่วไปโดยไม่มีการประกอบพิธีทางศาสนา เนื่องจากคริสตจักรแห่งอังกฤษปฏิเสธที่จะจัดพิธีอภิเษกสมรสให้ทั้งคู่

ในปัจจุบัน พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ได้ดำรงตำแหน่งขึ้นเป็นกษัตริย์และประมุขของสหราชอาณาจักรต่อจากควีนเอลิซาเบธที่ 2 ทรงเป็นผู้นำของเครือจักรภพที่มีรัฐเอกราช 56 ชาติ โดยมี 14 ประเทศที่กษัตริย์แห่งอังกฤษพระองค์นี้ทรงเป็นประมุขของรัฐ

และในวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 จะมีพิธีบรมราชาภิเษก เพื่อแต่งตั้งสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ขึ้นเป็นกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 อย่างเป็นทางการ โดยภายในงานจะมีการรักษาความปลอดภัยด้วยการระดมพลตำรวจสกอตแลนด์ยาร์ดกว่า 11,500 นาย มารักษาความปลอดภัย พร้อมกับมีการบังคับใช้กฎหมายการชุมนุมที่เข้มงวดอีกด้วย นับเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์โลกที่สำคัญมาก

Mothana

นักเขียนข่าวที่ Thaiger การศึกษาทางด้านภาษา จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความเชี่ยวชาญด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ จึงรับหน้าที่เขียนบทความไลฟ์สไตล์บันเทิง เศรษฐกิจ อยากเป็นสื่อกลางคอยขุดคุ้ยประเด็นตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงใหญ่โตมาเขียนให้ทุกคนได้อ่าน เพราะมีความเชื่อว่าสื่อที่ดีย่อมเป็นหนทางนำผู้อ่านไปสู่งานเขียนที่ดีได้ ติดต่อได้ทาง tangmo@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button