ข่าวข่าวภูมิภาค

กรมอุตุฯ แจ้งเส้นทาง ‘พายุหินหนามหน่อ’ คาดยังไม่ส่งผลต่อไทย

กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งอัปเดตเส้นทาง “พายุหินหนามหน่อ” คาดการณ์ว่ายังไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยโดยตรง แต่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

ล่าสุดวันที่ 29 สิงหาคม 2565 ทางด้านกรมอุตุนิยมวิทยา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งข่าวความเคลื่อนไหวของพายุหินหนามหน่อ ซึ่งเป็นพายุโซนร้อนลูกที่ 11 แล้ว

พายุหินหนามหน่อ
ภาพจาก : Facebook กรมอุตุนิยมวิทยา

ทั้งนี้ชื่อพายุ “หินหนามหน่อ” (HINNAMNOR) หมายถึง ห่านป่า โดยทางกรมอุตุฯ เปิดเผยว่าเป็นชื่อพายุที่ถูกตั้งโดย สปป.ลาว นอกจากนี้พายุหินหนามหน่อยังมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตก ซึ่งห่างไกลจากประเทศไทย จึงคาดการณ์ได้ว่าพายุลูกนี้อาจไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยโดยตรง

เส้นทางพายุโซน้อน หินหนามหน่อ
ภาพจาก : Facebook กรมอุตุนิยมวิทยา

อย่างไรก็ตาม ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย

เส้นทางพายุหินหนามหน่อ
ภาพจาก : Facebook กรมอุตุนิยมวิทยา

ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย

นอกจากนี้ทางกรมอุตุฯ ก็ยังได้แจ้งเตือนด้วยว่า ในช่วงวันที่ 29-31 ส.ค. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากโดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย

พื้นที่เสี่ยงภัยฝนตกหนัก
ภาพจาก : Facebook กรมอุตุนิยมวิทยา

ข้อมูลจาก : กรมอุตุนิยมวิทยา

Mothana

นักเขียนข่าวที่ Thaiger การศึกษาทางด้านภาษา จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความเชี่ยวชาญด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ จึงรับหน้าที่เขียนบทความไลฟ์สไตล์บันเทิง เศรษฐกิจ อยากเป็นสื่อกลางคอยขุดคุ้ยประเด็นตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงใหญ่โตมาเขียนให้ทุกคนได้อ่าน เพราะมีความเชื่อว่าสื่อที่ดีย่อมเป็นหนทางนำผู้อ่านไปสู่งานเขียนที่ดีได้ ติดต่อได้ทาง tangmo@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button