นักแสดงรุ่นใหญ่ ‘สถาพร นาควิไล’ เผยชีวิตรักกับ ภรรยา ดีกรี นางงาม หลังจากที่อยู่กินกันมานานกว่า 30 ปี บอกเลยว่าคนนี้ตรงสเปค!
เมื่อวันที่ 27 มกราคม ที่ผ่านมา ทางนักแสดง-ผู้จัดรุ่นใหญ่ ‘สถาพร นาควิไล‘ ได้ออกมาเปิดใจให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเส้นทางรักกับ ภรรยา ดีกรี นางงาม ที่อยู่กินกันมานานกว่า 30 ปี ผ่านรายการ ‘คุยแซ่บShow‘ ทางช่อง ‘one31‘ โดยมี ‘พีเค ปิยะวัฒน์ เข็มเพชร‘, ‘หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ‘ และ ‘อาจารย์เป็นหนึ่ง‘ รับหน้าที่เป็นพิธีกร โดยระบุว่า
ตอนนี้ พี่ถา ทำอะไรอยู่บ้าง ?
“ตอนนี้พี่ดูละครอยู่เรื่องเดียว ส่วนเบื้องหน้ากลับมารับเมื่อปีที่แล้ว”
มาคุยเรื่องความรักบ้าง พี่ถา แต่งงาน-คบกับ คุณนก มา 30 ปี แล้ว ?
“เกิน 31 ปีแล้ว”
สมัยก่อนความรักเปิดเผยไม่ค่อยได้ ?
“ช่วงนั้นก็เปิดเผยพอได้ มันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เราก็ไม่ค่อยชอบเก็บอะไรอยู่แล้ว เพราะความรักเป็นเรื่องสวยงาม”
แต่จะมีผลต่อความนิยมมั้ย ?
“อย่างที่บอกว่าช่วงนั้นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นช่วงที่เราผ่านช่วงพีคมาซักระยะนึงแล้ว แล้วตัวตนของเราไม่ใช่จะมาเหนียม”
เห็นว่าไปเจอกับ คุณนก ในที่อโคจร ที่ผับหรอ ?
“ก็สถานที่กินข้าว ร้านอาหารกึ่งผับ บังเอิญเขาเป็นเพื่อนของเพื่อน แล้วก็แนะนำกันก็รู้สึกถูกตาต้องใจ”
แล้วเขารู้สึกถูกใจมั้ย ให้เบอร์เลยมั้ย ?
“เขาก็ถูกใจสิ เราแอบมีเบอร์เขาอยู่แล้ว จากเพื่อนของเขา แต่ไม่ได้โทรฯ ไป เพราะพี่เป็นคนเขินไม่กล้า”
แล้วพี่จีบเขายังไง ?
“ใช้มองตาแล้วก็สื่อกัน พี่รวบรวมความกล้าอยู่ 2 วันถึงจะโทรฯ หาเขา เพราะเราเป็นคนไม่ค่อยกล้าแสดงออก”
เกี่ยวมั้ยที่ตอนนั้นพี่เป็นพระเอกดังมากแล้วต้องไปจีบสาวนอกวงการบันเทิงมันเลยทำให้เขาอาจจะคิดว่าเราเจ้าชู้ ?
“มันก็สองแง่ สามง่ามนะ เพราะเบื้องต้นเราก็เป็นคนขี้อายอยู่แล้วกับเรื่องแบบนี้”
ภรรยา พี่ถา มีดีกรีถึงขั้นนางงามเลย ดีกรีสูงขนาดนี้ ใช่สเปคเรามั้ย ?
“สเปคมั้ย ก็ต้องบอกว่าสเปค คนเราทุกคนมันมีนางในฝันอยู่แล้ว เราเชื่อว่าทุกคนไม่ได้ครบหรอก 100% อยู่ที่ว่าเราแฮปปี้แค่ไหน”
คบกันได้ไม่นานหนีตามกันเลย ?
“มันเป็นการพูดคุยกันในเมื่อเราจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน มันก็ต้องมีกระบวนการ แต่ทั้งฝ่ายผมและภรรยาไม่ได้ติดที่จะมีพิธีรีตองอะไร เรียกว่าพาหนี แต่พาหนีในความหมายของผมคือบอกกล่าวทั้งฝ่ายเขาและฝ่ายผมก็จะรู้แต่ว่าจะไม่ได้มีพิธี
คือ ณ เวลานั้นต่างคนต่างคิดว่ามันมีเยอะที่แต่งแล้วก็ต้องเลิกรากันไป อันนี้เป็นความคิดส่วนตัวนะ ไม่ได้บอกว่าความคิดนี้ คนนั้นคนนี้จะต้องมาคิดแบบนี้ เขาก็จะบอกว่าอย่าเลย เพราะถ้าเราไปไม่ถึงไหนเราก็จะอายเขา เพราะถ้ามีพิธีรีตองขึ้นมาก็จะเป็นข่าวประกาศให้ชาวบ้านรู้”
มีประเด็นมั้ยที่าไม่ได้จัดอะไรให้เขาเห็นในภาพของสังคมที่ชัดเจน ?
“ผมว่าการใช้ชีวิตคู่มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับพิธี ผมว่ามันขึ้นอยู่กับคนสองคน แล้ววันนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าผมอยู่กันมา 30 ปีเศษ มีลูก 2 คน แล้วชีวิตครอบครัวก็ราบรื่น มันอาจจะมีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างตามประสา แต่สุดท้ายก็เคลียร์กันได้แล้วก็รักษาทุกอย่างมาได้ 30 กว่าปี”
เวลาเขาพระเข้านางเลิฟซีน ภรรยามีหึงหวงมั้ย ?
“เขาพยายามเลี่ยงที่จะไม่ดู ถ้าดูก็พอมีบ้าง แต่เขาไม่ค่อยดูละครที่ผมเล่น”
คบกันได้ปีกว่า ๆ ตัดสินใจมีลูกเลย ?
“ตอนนั้นใกล้จะ 30 วันนึงก็ปรึกษากันว่ามีลูกกันมั้ย เขาก็บอกได้ซิ มันไม่มีอะไรยุ่งยากเลยในเมื่อมันมั่นใจกันแล้ว พอบอกว่ามีก็ปล่อย ก็ระยะซัก 2 ปีถึงจะติด คนแรกลูกสาวแล้วก็เว้นมาจน8 ปี มีลูกชายอีกคน เมื่อกี๊ข้ามไปนิดนึง เรื่องพิธีหลังจากนั้นซักระยะนึงเราก็มีไปวัดชนะสงครามไปทำบุญให้เป็นสิริมงคลทำกันในครอบครัว”
พอมีลูกทำไมติสต์แตกเลิกทำงานเบื้องหน้าเลย ?
“คือเป็นคนอยากเรียนรู้ ใช้ว่าติสต์แตกมันอาจจะไม่ได้เป๊ะเสมอไป จริงๆ แล้วเราเป็นคนตัวคนเดียวมาจากต่างจังหวัด ใช้ชีวิตคนเดียว ไม่ค่อยมีสังคม เราก็คิดต่อว่าแล้วต่อไปจะทำอะไรกิน ในเมื่อเรามาทางนี้แล้วสิ่งที่จะทำให้เราพัฒนาตัวเองมันคืออะไร
งานเบื้องหน้าคงอยู่ได้ซักระยะนึง คลื่นลูกใหม่ก็มาเรื่อยๆ เราเป็นพระเอก วันนึงเราเป็นตัวประกบ เป็นตัวร้าย เป็นพ่อ เราจะเป็นพ่อจนแก่หรอ มันคงไม่ใช่ เราก็คิดว่าชีวิตควรจะพัฒนาต่อไปในเส้นทางสายนี้ บังเอิญจังหวะชีวิตมันถูกกำหนด เราก็มีโอกาสได้มาเรียนรู้ แต่มันก็ต่างกันมากฟ้ากับเหว”
รับชมรายการ คุยแซ่บShow แบบเต็ม ๆ คลิก!