ข่าวข่าวการเมือง

รังสิมันต์ สับแหลก กรณี ทหาร ถูกขัง 15 วัน หลัง ชูสามนิ้ว ลง TikTok

รังสมินต์ วิจารณ์กองทัพ ว่ามีพฤติกรรมน่าอับอาย หลังมีเอกสารอ้าง ขังนาย ทหาร 15 วัน หลังจาก ชูสามนิ้ว ลง TikTok

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กแสดงความเห็น หลังจากมีเอกสารจากเพจเหล่าทัพราษฎรที่ระบุว่า มีการลงโทษนายทหารรายหนึ่ง ที่ต้องถูกขัง 15 วัน และงดบำเหน็จ ฐานทำผิดวินัยทหาร ด้วยการชูสามนิ้วลง TikTok พร้อมกับข้อความระบุว่าว่า มีบัญชี 14 บัญชีของกำลังพลกองทัพบกถูกตรวจพบว่าโพสต์เพลงแนวร่วมที่มีจากกลุ่มต่อต้านรัฐบาล

Advertisements

โดยนายรังสิมันต์ ระบุว่า “ผมรู้สึกอนาถใจกับคำสั่งการในเอกสารนี้ ราวกับเป็นภัยใหญ่โตที่กระทบความมั่นคงของกองทัพ ที่ทำตัวทำตัวเป็นเส้นขนานกับสิทธิเสรีภาพเสมอ แม้แต่การชูสามนิ้ว โพสต์เพลงลงใน tiktok ก็มีโทษจำขังนายทหารในกองทัพเสียแล้ว มันไม่เกินไปหรือครับ?

จากเอกสารที่พาดหัวว่า “ด่วนที่สุด” ถึงสองครั้ง ที่มีคำสั่งลงโทษจับเอานายทหารที่โพสต์เพลงที่กองทัพไม่พอใจไปขังคุกถึง 15 วัน ทั้งที่ผมคิดแล้วคิดอีก คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่า มันเป็นโทษเป็นภัยอย่างไรต่อกองทัพไทย ที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรขนาดยึดอำนาจรัฐประหารไปตั้งหลายครั้งแล้ว

พูดไปก็น่าอับอาย นี่สุดท้ายศัตรูหลักของกองทัพไทยที่ควรปกป้องความมั่นคงของชาติ ก็คือเสรีภาพ คือเพลงบางเพลง หรือแอพพลิเคชั่นเสียแล้วหรือครับ? สิทธิมนุษยชนและความยุติธรรมคงเป็นอะไรที่กองทัพไม่รู้จัก ทุกสิ่งที่สำคัญคงมีแค่คำสั่งและอำนาจเท่านั้นสินะที่กองทัพให้ความสนใจ

ผมขอประนามผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคำสั่งนี้ทุกคน และขอยืนยันว่าผู้ที่ตั้งตนเป็นศัตรูกับสิทธิเสรีภาพนั้นก็มีแต่คนที่มีใจฝักใฝ่เผด็จการจนหลงลืมความเป็นมนุษย์ไปเท่านั้น

และคน รวมถึงองค์กรที่หลงลืมความเป็นมนุษย์ ก็จะไม่ให้ความสำคัญกับประชาชน ที่เป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง ก็ไม่ต้องแปลกใจที่ประชาชนเขาจะรู้สึกไม่ดีกับองค์กรแบบกองทัพแบบนี้”

Advertisements

ด้านกองทัพยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นถึงเอกสารฉบับดังกล่าว

 

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button