ข่าวข่าวการเมือง

หนุ่มเจอคุก 54 เดือน หลังโพสต์รูปผิด พ.ร.บ.คอม ลงเฟซบุ๊ก

ศาลพิพากษาให้ จำเลยจำคุก 54 เดือน หลังโพสต์รูปผิด พ.ร.บ.คอมฯ ลงเฟซบุ๊ก ชี้ก่อให้เกิดความขัดแย้งและบั่นทอนความมั่นคง

ศาลอาญาธนบุรี อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.1228/2563 ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายศุภากร พินิจบุตร์ เป็นจำเลย กรณีจำเลยโพสต์ข้อความและรูปภาพตัดต่อเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ลงในเฟซบุ๊ก ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.

ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (2) (5) พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 มาตรา 8 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4

โจทก์ได้ระบุว่าจำเลยได้นำภาพและตัวอักษร เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ผ่านทางผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต ทางเว็บไซต์เฟซบุ๊ก ในชื่อ “เมี่ยงปร้ะ ขจมพรื้อ” และ “Dumrong Konrakchat” ซึ่งเปิดเป็นแบบสาธารณะ

จำเลยโพสต์เผยแพร่รูปภาพตัดต่อรัชกาลที่ 10 และโพสต์เผยแพร่ภาพรัชกาลที่ 9 และโพสต์เผยแพร่รูปภาพตัดต่อใบหน้าบุคคลสวมเครื่องทรงพระมหากษัตริย์ไทย

โดยผู้ก่อเหตุรู้อยู่แล้วว่าข้อความดังกล่าวเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และโดยมีเจตนาให้ประชาชนเข้ามาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ในทางที่เกิดความเสียหายต่อสถาบัน และก่อให้เกิดความขัดแย้งของประชาชน เกิดภาวะหรือสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความไม่มั่นคงขึ้นภายในประเทศ

ทั้งนี้จำเลยโพสต์ข้อความและรูปภาพดังกล่าวโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ รวม 9 ครั้ง ซึ่ง จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ และศาลให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะและพินิจจำเลยก่อนมีคำพิพากษา

ศาลพิเคราะห์รายงานสืบเสาะของจำเลยแล้ว พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (2) (5) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป

ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 9 กระทง ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 9 กระทง รวมจำคุก 54 เดือน

พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยแล้ว เห็นว่า จำเลยโพสต์เผยแพร่รูปภาพตัดต่อ โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าข้อความดังกล่าวเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ เนื่องจากจำเลยรู้สึกสนุกที่ประชาชนพบเห็นโพสต์ดังกล่าวแล้ววิพากษ์วิจารณ์สถาบันไปในทางให้ได้รับความเสียหาย

แม้จำเลยกระทำไปเพื่อเรียกร้องความสนใจจากบุคคลทั่วไปเท่านั้น ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับการว่าจ้างหรือค่าตอบแทน แต่การกระทำของจำเลยดังกล่าวถือเป็นการบ่อนทำลายสถาบัน ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ ลดทอนความเลื่อมใสศรัทธาของประชาชนที่มีต่อสถาบัน ซึ่งเป็นสถาบันหลักของชาติ และก่อให้เกิดความขัดแย้งของประชาชน เกิดภาวะหรือสถานการณ์ที่บั่นทอนความมั่นคงขึ้นภายในประเทศ รวมทั้งเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ พฤติการณ์แห่งคดีนับว่าเป็นเรื่องร้ายแรง กรณียังไม่สมควรรอการลงโทษให้จำเลย ริบของกลาง

ภายหลังจำเลยยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ โดยศาลชั้นต้นพิจารณาเเล้วเห็นควรส่งศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาว่าจะอนุญาตปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดีหรือไม่

 

 

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button