ข่าวภูมิภาค

Timeline ชายชรา 70 ปี ติด Covid-19 หลังแอบ ข้ามแดน แพร่เชื้อ 15 ราย

ก.สาธารณสุข ได้เปิดเผย Timeline ของกรณีชายชราอายุ 70 ปี ได้ทำการ ข้ามแดน จากประเทศเมียนมา โดยได้แพร่กระจายเชื้อไวรัส Covid-19 ที่มีผู้ได้รับความเสี่ยงจำนวน 15 รายด้วยกัน

หลังจากมีกรณีการหนี ข้ามแดน จากประเทศเพื่อนบ้านเข้าประเทศไทยนั้น ส่งผลให้เกิดความกังวลในการแพร่ระบาดกันเป็นอย่างมาก โดยในวันนี้ก็ได้มีการเปิดเผยถึง Timeline ของหนึ่งในผู้ติดเชื้อ Covid-19 ที่เป็นชายชราอายุ 70 ปี ผู้ที่ได้ทำการแพร่เชื้อแก่ผู้ได้รับความเสี่ยงจำนวน 15 คน

ซึ่งรายละเอียดของการเดินทางดังกล่าวก็มีดังนี้

  • 2-3 เดือนก่อนหน้า : ได้ทำการเดินทางไปอาศัยอยู่กับภรรยาในพื้นที่ บ้านแม่ บริเวณรัฐกะเหรียง ประเทศเมียนมา
  • 26 พ.ย. 2563 : ได้มีการเดินทางไปยังวัดในพื้นที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา
  • 29 พ.ย. 2563 : ได้ทำการลักลอบเดินทางกลับเข้าในประเทศผ่านช่องทางธรรมชาติ และได้เริ่มมีอาการป่วย โดยมีลักษณะเหมือนไข้หวัด
    • ภายในวันเดียวกัน ได้กลับมาอาศัยอยู่ที่ หมู่ 7 ตำบล ท่าสายลวด ซึ่งลูกเขยได้ทำการดูแลอาการในเบื้องต้น
  • 2 ธ.ค. 2563 : ลูกสาวได้เดินทางกลับมาที่บ้านจากกรุงเทพ และได้มีการสัมผัสตัวกับผู้ป่วย ผ่านการดูแลรักษา
  • 4 ธ.ค. 2563 : ผู้ป่วยเริ่มมีอาการหอบเหนื่อย จึงได้มีการเรียกรถพยาบาลเอกชนมารับจากที่บ้าน ก่อนจะทำการส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลรัฐ และได้มีการตรวจพบการติดเชื้อ Covid-19 จากตรวจร่างกาย

ทั้งนี้แล้วในกรณีการแพร่กระจายดังกล่าว ได้ส่งผลให้มีผู้มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อทั้งหมด 15 คนโดยประมาณ ซึ่งก็ได้มีการดำเนินการกักกันตัวเพื่อป้องกันการแพร่ระบากเพิ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยผู้ที่ได้รับผลนั้นก็ได้แก่

  1. ลูกเขย ผู้ดูแลในวันที่ 29 พ.ย.
  2. ลูกสาว ผู้ดูแลเช่นกันในวันที่ 2 ธ.ค.
  3. เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล จำนวน 13 คน ที่ทำการรักษาผู้ติดเชื้อ

 

แหล่งที่มาของข่าว : กระปุกดอตคอม

 


#ข่าวทั่วไป #ข่าวภาคเหนือ #ข่าวโควิด-19 #Covid-19 #ลักลอบข้ามแดน #ผู้ติดเชื้อโควิด #การแพร่ระบาด #เมียนมา

ไทยเกอร์นิวส์

นำเสนออัปเดตข่าวสารบ้านเมือง ข่าวล่าสุด มั่นใจว่าคุณจะทันทุกสถานการณ์ ไม่ว่า สังคมเศรษฐกิจ การเงิน การเมือง เรื่องร้อนออนไลน์ ดราม่าดารา อัปเดตบันเทิง ซีรีส์ หนัง เพลง ท่องเที่ยว กีฬา ตรวจหวย เลขเด็ด พร้อมเสิรฟ์ทุกเรื่องยาก ๆ ย่อยให้คุณเข้าใจง่าย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button