ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้มีมิติในการยื่นคำร้องขอให้ ศาลรธน. ทำการตีความมติศาลปกครองสูงสุดจากกรณีโครงการ โฮปเวลล์ ว่ามีความขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่
ในวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 พ.ต.ท. กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงาน ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้เผยว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีคำวินิจฉัยจากการที่กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ขอให้ผู้ตรวจแผ่นดิน ยื่นคำร้องพร้อมความเห็นต่อ ศาลรธน. เพื่อพิจารณาวินิฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 เกี่ยวกับมติประชุมใหญ่ตุลาการของศาลปกครองสูงสุด ที่เกี่ยวข้องกับกรณีสัมปทานโครงการ โฮปเวลล์ ว่ามีความขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญใน มาตรา 3 วรรค 2, มาตรา 5 วรรค 1, มาตรา 25 วรรค 3, มาตรา 188 และมาตรา 197 หรือไม่
เนื่องด้วยมติในที่ประชุม เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2545 ไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้มีการส่งให้สภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบ และไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา มติดังกล่าวจึงถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่สามารถบังคับใช้ได้ ตาม พรบ. จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาการปกครอง พ.ศ.2542 มาตรา 5, 6 และ 44
นอกจากนี้ มติดังกล่าวยังกำหนดให้เริ่มนับอายุความตั้งแต่วันที่ศาลเปิดทำการ (9 มี.ค. 2544) ซึ่งผิดไปจาก พรบ. จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาการปกครอง พ.ศ.2542 มาตรา 51 ที่บัญญัติว่าให้เริ่มนับระยะเวลาอายุความคดีปกครอง ตั้งแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุในการฟ้องคดี
ดังนั้นจึงจะถือว่าเป็นการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญในมาตรา 3 วรรค 2, มาตรา 188 และ 194 อันเป็นมติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่อาจบังคับใช้ได้ตามรัฐธรรมนูญ ตามมาตราที่ 5 วรรค 1 และบุคคลที่ถูกละเมิดสิทธิดังกล่าวสามารถใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญได้ตามมาตรา 25 วรรค 3
พ.ต.ท. กีรป ได้กล่าวว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงได้มีการวินิจฉัยให้มีการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ประกอบกับมาตรา 46 ของ พรบ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่นี้ : https://www.matichon.co.th/politics/news_2445648
- วิษณุ ไม่รู้รายละเอียดจ่ายค่าโง่โฮปเวลล์ เผย ยังเจรจากับเอกชนได้
- ศาลปกครองสูงสุดพิพากษา ให้รัฐจ่ายค่าโง่ “โฮปเวลล์” 11,888 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย
