แจ้ง 4 ข้อหา 2 หนุ่มระยอง ชูป้ายประท้วงด่ารบ. อ้างรักษาความปลอดภัย ‘บิ๊กตู่’
จากกรณี 2 แกนนำเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตยชูป้ายประท้วง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่มาลงพื้นที่ จ.ระยอง เนื่องจากไม่พอใจทางการที่ปล่อยให้เกิดกรณีทหารอียิปต์ติดโควิดขึ้นมาได้ จากนั้นจึงมีเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมตัวแกนนำทั้งสองคนและตั้งข้อกล่าวหา ล่าสุด รอง โฆษก ตร. เปิดเผยแล้วว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา 4 ข้อ
เหตุการณ์เกิดขึ้นเนื่องจากแกนนำเยาวชนตะวันเพื่อประชาธิปไตย 2 คนชูป้ายประท้วงนายกรัฐมนตรีขณะเดินทางมาปฏิบัติงานที่ จ.ระยอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าควบคุมตัวเพื่อรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นบุคคลสำคัญและเป็นการเสี่ยงต่อโรคติดต่อ แต่บุคคลทั้งสองไม่ให้ความร่วมมือ จึงต้องใช้กำลังจับกุมแล้วพาไป หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.ระยอง ปรารฏว่าคนทั้งสองวิ่งหนีมาที่ตลาดสตาร์แล้วไลฟ์สดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมแจ้งความให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม
อย่างไรก็ตาม มีการดำเนินคดีกับแกนนำทั้งสองแล้ว โดยแจ้งทั้งหมด 4 ข้อกล่าวหา ได้แก่
- ทำกิจกรรม ที่อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรค อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดฯ ซึ่งออกตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ 18
- ฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ที่ห้ามกระทำการใดๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะฯ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558
- ขัดคำสั่งเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจหน้าที่ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร
- หลบหนีไประหว่างที่ควบคุมของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนสอบสวน
ทั้งนี้ รองโฆษก ยังกล่าวต่อว่า การกระทำของบุคคลทั้งสองถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเชิญชวนบุคคลร่วมชุมนุมในลักษณะที่เสี่ยงหรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้ง่าย อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ ขอฝากเตือนไปยังกลุ่มบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเยาวชน ที่มีแนวคิดใช้คำหยาบคาย แสดงความก้าวร้าว ในลักษณะที่สร้างความเกลียดชัง หรือใส่ร้ายป้ายสี เป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะการอยู่รวมกันในสังคม สามารถแสดงความคิดเห็นต่างได้แต่ต้องไม่ขัดต่อกฎหมายและไม่เป็นการกระทำที่ไปกระทบสิทธิผู้อื่น
ทั้งนี้ โฆษก ตร. ยังขอฝากไปถึงเยาวชนไม่ให้ถูกชักจูงโดยง่าย และให้ใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางโซเชียลมีเดีย เช่น แฮชแท็ก #ตำรวจระยองอุ้มประชาชน ในทวิตเตอร์ หรือเฟซบุ๊ก เพราะหากทุกคนเคารพกติกา ไม่ฝ่าฝืนคำสั่ง หรือ พ.ร.ก. ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
ที่มา มติชน
