รังสิมันต์ โรม รำลึก 3 ปี หมุดคณะราษฎรหายไปไร้ร่องรอย
รังสิมันต์ โรม ย้อนความหลัง 3 ปี หมุดคณะราษฎรหายไปไร้ร่องรอย
วานนี้ ซึ่งเป็นครบรอบ 3 ปี การหายไปของหมุดคณะราษฎร รังสิมันต์ โรม ได้โพสต์ข้อเขียนผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า 3 ปีกับหมุดคณะราษฎร์ที่หายไป
วันนี้เป็นวันครบรอบ 3 ปี จากเหตุการณ์สำคัญมากเหตุการณ์หนึ่ง นั่นคือ หมุดคณะราษฎรถูกอุ้มหายไปโดยไม่ทราบว่าเป็นฝีมือของใคร และรัฐก็ไม่มีความพยายามใด ๆ ที่จะตามหาทั้งตัวหมุดและตัวผู้ก่อเหตุ
หมุดคณะราษฎรมีความสำคัญอย่างไร..
เราต่างก็คงทราบกันดี ว่านั่นคือสัญลักษณ์สำคัญ เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย มาจนถึงวันนี้ผ่านไปเกือบ 88 ปี แล้ว แม้ชนชั้นนำที่ถืออำนาจปกครองจะต่างพยายามที่จะดิสเครดิตระบอบประชาธิปไตยมากมายเท่าใด ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการเปลี่ยนแปลงการปกครองในวันนั้นนำมาซึ่งโอกาสการเข้าถึงทรัพยากร เข้าถึงการศึกษาอย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น จนอาจกล่าวได้ว่าแม้กระทั่งผู้ที่กล่าวโทษการกระทำของคณะราษฎรใดวันนั้นหลายคน ก็อาจจะยังไม่ได้มีโอกาสรู้หนังสือเสียด้วยซ้ำหากไม่ได้มรดกจากการอภิวัฒน์ของคณะราษฎร
ในต่างประเทศ จะให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์อย่างมาก ทั้งมีการทำพิพิทธภัณฑ์เพื่อตอกย้ำถึงความโหดร้ายของเหล่าเผด็จการ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หรือทั้งในรูปแบบของชื่อถนน ชื่อสถานที่ รวมถึงการสร้างแลนด์มาร์กต่าง ๆ ซึ่งการให้ความสำคัญอย่างตรงไปตรงมาและเปิดเผยเช่นนี้เอง คือการสะท้อนว่าสังคมนั้น ๆ ผู้มีอำนาจให้ความสำคัญกับคุณค่าใด
จนถึงวันนี้ การที่หมุดคณะราษฎรไม่เคยถูกตามกลับคืนมาอย่างจริงจังเฉกเช่นเดียวกับวุตถุโบราณชิ้นอื่น ๆ เช่น ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ ฯลฯ ทั้งยังมีหมุดใหม่มาแทนคล้ายจะล้อเล่นกับประชาชน รวมถึงการที่ยังไม่เคยนำผู้กระทำการอันอุกอาจนี้มาเข้ากระบวนการยุติธรรมได้ ก็สะท้อนให้เห็นแล้วว่ารัฐและผู้มีอำนาจในสังคมนี้คิดอย่างไ
ประวัติศาสตร์เป็นดั่งเงาตามตัวเราทุกคนในสังคม..
ผู้ที่หวาดกลัว ผวาแม้กระทั่งเงาของตนเอง ย่อมไม่สามารถจะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างสง่างาม และมีเพียงผู้ที่เปิดดวงตา จ้องมองอย่างมีสติเท่านั้น ที่จะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
รังสิมันต์ โรม
6 เมษายน 2563
3 ปี หลังหมุดคณะราษฎรหายไป