สุขภาพและการแพทย์

เยียวยาโควิด-19 ลดค่าน้ำค่าไฟ 3 เดือน คืนเงินประกันไฟฟ้า น้ำ

เยียวยาโควิด-19 ลดค่าน้ำค่าไฟ 3 เดือน คืนเงินประกันไฟฟ้า น้ำ

โควิด-19 : 17 มี.ค. 63คณะรัฐมนตรีมีมติมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานสำหรับประชาชนตามที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอดังนี้

มาตรการด้านไฟฟ้า (การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค)

(1) มาตรการที่ 1 ลดค่าไฟฟ้าร้อยละ 3 สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภท เป็นระยะเวลา 3 เดือน (เมษายน – มิถุนายน 2563) คาดว่าจะใช้งบประมาณรวม 5,160 ล้านบาท แบ่งเป็น การไฟฟ้านครหลวง คาดว่าจะใช้งบประมาณ 1,600 ล้านบาท และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคคาดว่าจะใช้งบประมาณ 3,560 ล้านบาท โดยมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานดำเนินการลดค่าไฟฟ้าในอัตราร้อยละ 3 และพิจารณาใช้เงินคืนรายได้ เพื่อให้การไฟฟ้ามีฐานะการเงินตามเกณฑ์ที่กำหนดมาเป็นแหล่งเงินในการสนับสนุนการลดค่าไฟฟ้า

(2) มาตรการที่ 2 ขยายระยะเวลาการชำระค่าไฟฟ้า สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทกิจการเฉพาะอย่าง (ธุรกิจโรงแรม และกิจการให้เช่าพักอาศัย) โดยไม่คิดดอกเบี้ย ตลอดระยะเวลาการผ่อนผันโดยไม่มีการงดจ่ายไฟฟ้าเป็นการชั่วคราว และผ่อนผันได้ไม่เกิน 6 เดือนของแต่ละรอบบิล สำหรับใบแจ้งค่าไฟฟ้า ประจำเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2563 ทั้งนี้ ผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานการไฟฟ้าในพื้นที่

(3) มาตรการที่ 3 การคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้า ให้ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 1 บ้านอยู่อาศัย และประเภทที่ 2 กิจการขนาดเล็ก รวม 22.17 ล้านราย วงเงิน 32,700 ล้านบาท แบ่งเป็น การไฟฟ้านครหลวง จำนวน 3.87 ล้านราย วงเงิน 13,000 ล้านบาท และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน 18.30 ล้านราย วงเงินประมาณ 19,700 ล้านบาท สามารถใช้สิทธิขอคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้าที่วางไว้ตามขนาดเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้า ทั้งนี้ ผู้วางหลักประกันการใช้ไฟฟ้าสามารถตรวจสอบสิทธิและแจ้งความประสงค์ พร้อมยื่นเอกสารหลักฐานเพื่อขอคืนเงินประกันผ่านช่องทางต่าง ๆ ทั้งนี้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานจะออกประกาศการคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้า โดยการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะเร่งกำหนดแนวทางปฏิบัติและรายละเอียดในการดำเนินการคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้าให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าต่อไป

มาตรการด้านน้ำประปา (การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค)

(1) มาตรการที่ 1 ลดค่าน้ำประปาในอัตราร้อยละ 3 ให้กับผู้ใช้น้ำทุกประเภท เป็นระยะเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่รอบการใช้น้ำเดือนเมษายน – มิถุนายน 2563 คาดว่าจะใช้งบประมาณรวม 330 ล้านบาท แบ่งเป็น การประปานครหลวง 130 ล้านบาท การประปาส่วนภูมิภาค 200 ล้านบาท

(2) มาตรการที่ 2 ขยายระยะเวลาการชำระค่าน้ำประปา สำหรับผู้ใช้น้ำที่จดทะเบียนประกอบธุรกิจโรงแรมและกิจการให้เช่าพักอาศัย โดยไม่คิดดอกเบี้ย สามารถผ่อนชำระได้ไม่เกิน 6 เดือน ของแต่ละรอบใบแจ้งค่าน้ำประปา สำหรับรอบการใช้น้ำเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2563 รวม 30,900 ราย แบ่งเป็น การประปานครหลวง จำนวน 900 ราย และการประปาส่วนภูมิภาค จำนวน 30,000 ราย

(3) มาตรการที่ 3 คืนเงินประกันการใช้น้ำให้กับผู้ใช้น้ำประเภทที่ 1 ที่พักอาศัย รวม 5.7 ล้านราย วงเงิน 2,834 ล้านบาท แบ่งเป็น การประปานครหลวง จำนวน 2 ล้านราย วงเงิน 1,034 ล้านบาท และการประปาส่วนภูมิภาค จำนวน 3.7 ล้านราย วงเงิน 1,800 ล้านบาท ทั้งนี้ ผู้วางเงินประกันการใช้น้ำสามารถตรวจสอบสิทธิและแจ้งความประสงค์เพื่อขอคืนเงินประกันผ่านช่องทางต่าง ๆ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รายงาน สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) แจ้งขั้นตอนการขอรับเงินประกันการใช้ไฟฟ้า โดยประชาชนผู้เป็นเจ้าของมิเตอร์สามารถเริ่มลงทะเบียนเพื่อขอรับเงินคืนตามมาตรการช่วยเหลือผลกระทบจากโควิด-19 ได้ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.เป็นต้นไป โดยผู้ยื่นเรื่องสามารถเดินทางไปลงทะเบียนที่สำนักงานการไฟฟ้านครหลวง สำหรับผู้ที่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ส่วนผู้ที่อยู่ต่างจังหวัดสามารถเดินทางไปลงทะเบียนที่สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งหากข้อมูลการลงทะเบียนถูกต้องและตรงกันกับข้อมูลที่การไฟฟ้ามีอยู่ จะได้รับเงินคืนตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.2563 เป็นต้นไปจนกว่าจะจ่ายครบจำนวนทั้งหมด 21.5 ล้านราย วงเงิน 30,000 ล้านบาท นอกจากนี้การไฟฟ้ายังได้เตรียมวางระบบการลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่นของการไฟฟ้าด้วย เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกมากขึ้น

Aindravudh

นักเล่าเรื่อง จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ ผู้สนใจประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง ผนวกกับการเริ่มต้นเส้นทางด้วยการเขียนงานวรรณกรรม ก่อนผันตัวมาเจาะประเด็นข่าวทางสังคม ออนไลน์ ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button