เอาแล้ว สมชัยงัดหลักฐาน 16 พรรคการเมืองกู้เงิน พรรคร่วมรัฐบาลก็กู้
เอาแล้ว สมชัยงัดหลักฐาน 16 พรรคการเมืองกู้เงิน พรรคร่วมรัฐบาลก็กู้
พรรคการเมืองกู้เงิน – จากกรณีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้โพสต์เฟซบุ๊ก สมชัย ศรีสุทธิยากร เกี่ยวกับการกู้เงินของพรรคการเมืองในงบการเงินปี 2561 ว่า
“เพิ่งทำการบ้าน อ่านงบการเงินของพรรคการเมืองต่างๆเสร็จ สรุปว่า มีถึง 18 พรรคการเมืองที่มีการกู้เงินในเอกสารงบการเงินปี 2561”
“พรรคการเมืองกู้เงินไม่ได้จริงหรือไม่”
“คดีเงินกู้ ธนาธร-อนาคตใหม่ กำลังงวดเข้ามาทุกที หลายคนบอกอาจจะเร็วกว่าปกติอีก หากศาลรัฐธรรมนูญเลือกแนวทางการวินิจฉัยโดยไม่มีการไต่สวนเพิ่มเติมแบบเดียวกับคดีอิลลูมินาติที่จะมีการอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 21 มกราคม 2563 นี้
1. ผมพยายามเปรียบเทียบ พรป.พรรคการเมือง ฉบับปัจจุบัน 2560 และ ฉบับปี 2550 ในหมวดที่ว่าด้วยรายได้ของพรรคการเมือง ปรากฎว่า แม้จะมีหัวข้อและลักษณะการเขียนต่างกัน แต่ที่เหมือนกัน คือ ไม่มีรายการ “เงินกู้” ในหมวดรายได้
2. เมื่อเงินกู้ไม่ใช่รายได้ เงินกู้จึงมี สถานะเป็น “หนี้สิน” ที่พรรคการเมืองต้องชำระคืน และสามารถกู้จากใครก็ได้
3. ในอดีต มีพรรคการเมืองที่ กู้เงินมาใช้ในกิจการทางการเมืองหรือไม่ ผลการค้นข้อมูลย้อนหลังพบว่า จากงบการเงินของพรรคการเมืองที่ส่งให้ กกต. ประจำปี 2556 มีพรรคการเมืองหลายพรรคที่กู้ยืมเงินจากบุคคลอื่นมาใช้ในกิจกรรมทางการเมือง อาทิ
– พรรคพลังชล ระบุว่า มีเจ้าหนี้เงินยืมทดรองจ่าย
– พรรคมาตุภูมิ ระบุว่า มีเงินกู้ยืมกรรมการ
– พรรคภูมิใจไทย ระบุว่า มีเจ้าหนี้เงินกู้ระยะสั้น
– พรรคชาติไทยพัฒนา ระบุว่า มีเจ้าหนี้เงินยืมทดรอง
ซึ่งรายการส่วนใหญ่ จะกู้ยืมเงินจากคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อนำไปใช้จ่ายในการบริหารกิจการของพรรค เช่น ค่าเช่าสำนักงาน เป็นต้น
4. หากอดีต มีพรรคที่เคยกู้เงินไม่ผิด และ กกต.ไม่เคยดำเนินการใดๆ หากเลือกที่ดำเนินการเฉพาะบางพรรคการเมือง จะถือเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่
5. อาจมีคนโต้แย้งว่า นั่น กฎหมายเก่า นี่ กฎหมายใหม่ มีเจตนาการบังคับใช้ต่างกัน อยากดูไหมครับ ข้อมูลเด็ดๆว่าในปัจจุบันมีพรรคการเมืองไหนกู้เงินบ้าง พรุ่งนี้ เฉลยครับ
ล่าสุดนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ได้โพสต์ความคืบหน้างัดเอกสารแจงรายละเอียด พรรคการเมืองที่กู้เงินไว้ดังนี้
“หากจะยึด พรป.พรรคการเมืองใหม่ แล้วบอกว่าพรรคการเมืองไม่สามารถกู้ยืมเงินเพื่อนำมาใช้ในกิจกรรมทางการเมืองได้ตามตรรกะการลงมติของ กกต.ชุดปัจจุบัน
พรรคไหนกู้ ถือว่าผิด กม.ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค ต้องตัดสิทธิการเมือง ต้องโทษอาญาจำคุก
จะกู้ 1,000 บาท 1 ล้าน หรือ กู้ 100 ล้าน แปลว่า กู้เหมือนกัน เหมือนลอกข้อสอบจะข้อเดียวหรือสิบข้อ จับได้ก็ต้องปรับตกไม่มีข้อยกเว้น
ถามว่า นอกจากพรรคอนาคตใหม่ยังมีพรรคการเมืองอื่นกู้ยืมเงินอีกหรือไม่
จากเอกสารงบการเงิน ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2561 ที่พรรคการเมืองทุกพรรคนำส่ง กกต. ภายในเดือน พฤษภาคม 2562 มีพรรคการเมืองถึง18 พรรค (รวม อนาคตใหม่) ที่ปรากฏรายการเงินกู้ในเอกสารงบการเงินดังกล่าว
1. พรรคพลังศรัทธา มีรายการเงินกู้ระยะสั้น 300,000 บาท
2. พรรคพลังชาติไทย เงินกู้ระยะสั้น 113,988 บาท
3. พรรคไทยธรรม เงินกู้จากหัวหน้าพรรค 1,000 บาท
4. พรรครวมพลังประชาชาติไทย เงินกู้จากบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกัน 5,000,000 บาท
5. พรรครวมใจไทย เงินกู้ยืมระยะสั้น 45,697.86 บาท
6. พรรคอนาคตใหม่ เงินกู้จากหัวหน้าพรรค 161,200,000 บาท
7. พรรคเพื่อสหกรณ์ไทย เงินกู้ยืมระยะสั้น 226,000 บาท
8. พรรคพลังไทยรักชาติ เงินกู้ยืมหัวหน้าพรรค 85,000 บาท
9. พรรคเมืองไทยของเรา เงินกู้ยืมระยะสั้น 542,750 บาท
10. พรรคเพื่อชีวิตใหม่ เงินกู้ยืมระยะยาว 50,000 บาท
11. พรรคเงินเดือนประชาชน เงินกู้ยืมจากกรรมการ 822,183.70 บาท
12. พรรคไทรักธรรม เงินกู้ยืม กรรมการบริหารพรรค 4,376,000 บาท
13. พรรคพลังประชาธิปไตย เงินยืมจากหัวหน้าพรรค 5,584,290 บาท
14. พรรคครูไทยเพื่อประชาชน เงินกู้ยืม 542,125 บาท
15. พรรคพลังท้องถิ่นไท เงินกู้ยืมระยะสั้น 1,427,000 บาท
16. พรรคไทยรักษาชาติ เงินยืมจากหัวหน้าพรรค คณะกรรมการบริหารพรรค 1,738,868.92 บาท
17. พรรคประชาธิปไตยใหม่ เงินกู้ยืมระยะสั้น 4,216,600 บาท
18. พรรคชาติพัฒนา เงินกู้ยืม 2,000,000 บาท
ทั้งหมดนี้ ถือเป็น “ความปรากฏ” ที่นายทะเบียนต้องรับรู้ และหากพบว่าเป็นความผิดต้องชงเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อมีมติดำเนินการ
เหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่มีพรรคการเมืองอย่างน้อย 4 พรรค กู้เงิน “ปรากฏ”ในเอกสารงบการเงินปี 2556 และเหตุการณ์ที่มีพรรคอีก 17 พรรค “ปรากฏ”ในเอกสารงบการเงินปี 2561 นั้น มีนายทะเบียนพรรคการเมืองคนละคน
หากการกู้ทั้งสองเหตุการณ์เป็นความผิด และมีการปล่อยปละละเลย นายทะเบียนต้องรับผิดชอบเป็นอันดับแรก
และ กรรมการการเลือกตั้งอาจต้องร่วมรับผิดในฐานะไม่กำกับดูแลงานให้เป็นไปอย่างถูกต้องด้วยกฎหมาย
แต่หากบอกว่า ไม่ผิด
กรณีชงเรื่อง เงินกู้อนาคตใหม่ ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่อันมิชอบของนายทะเบียนพรรคการเมือง และ กกต. 5 ใน 7 ที่ลงมติส่งฟ้องยุบพรรคต่อศาลรัฐธรรมนูญ คงต้องรับผิดชอบต่อมติที่ตนเองลงด้วยครับ
หมายเหตุ
ปี 2557 นายทะเบียนพรรคการเมือง ชื่อ ศุภชัย สมเจริญ ปัจจุบันเป็น รองประธานวุฒิสภา
ปี 2562 นายทะเบียนชื่อ จรุงวิทย์ ภุมมา ปัจจุบันเป็นเลขาธิการ กกต. และสำรองสมาชิกวุฒิสภาอันดับที่ 8”
https://www.facebook.com/Somchai.Srisutthiyakorn/posts/2573752186007502?__xts__%5B0%5D=68.ARBD7ytJ5qI2K3vL36EnMpSECmRGLb4f11v4G_9uQf4129Kaayi4lapXZAPUq1VlyilufxRLwps-Q1zX08cOB6P_l4gJG8WfvsyEZ3zU9gu7VSQcjiCgYE7cMRi4IZTWzc6AUGqYuBs4eJWaMga1qEXTQwbYZogf2tvYDrM5cBgWAXqNkQN1iMSN4TbjUGo0Be68H5d_A0ZX04Msj4ZiDg9pGEFryFu0-9Yg1EeKX95bHXlE-742YdorDw7I2LshAXB9bZQqi4iZMF0eKpykzyQ0O3BbWVCLEB46zC0-YWciA35Qs3EJOYD84QkZItbHqHjMQB2Do0ecIBNOh1BD2PLI0w&__tn__=-R