ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร เดินทางมา DSI รับทราบข้อกล่าวหา พร้อมสู้คดีไม่หนี
ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร เดินทางมา DSI รับทราบข้อกล่าวหา พร้อมสู้คดีไม่หนี
คดีบิลลี่ล่าสุด– คืบหน้าคดีการหายตัวไปของนายพอละจี หรือ บิลลี่ รักจงเจริญแกนนำประชาชนชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย ก่อนจะพบกระดูกถูกเผาในถัง 200 ลิตร ทิ้งใต้สะพานแขวนในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นำไปสู่การออกหมายจับ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวก ประกอบด้วย นายบุญแทน บุษราคำ, นายธนเสฏฐ์ หรือไพฑูรย์ แช่มเทศ และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ รวม 4 คน ในฐานความผิดดังนี้
(1) ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้
(2) ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้นและได้กระทำโดยมีอาวุธ
(3) ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย
(4) ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น และมีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ
(5) ร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป
(6) ร่วมกันโดยทุจริตเพื่ออำพรางคดีกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 289 (4) (7), 309, 310, 337, 340, 340 ตรี ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ รวมทั้งความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 148, 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 123/1 และมาตรา 172 อันเป็นความผิดที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้ไต่สวนพบมูลความผิดแล้วด้วย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
คืบหน้าล่าสุดวันที่ 12 พ.ย. นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และพวกรวม 3 ราย เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่ดีเอสไอ นายชัยวัฒน์ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อตอนหนึ่งว่า ตนพร้อมสู้คดี ไม่หนีไปไหน รักศักดิ์ศรีของตนเอง ตนขอฟังข้อกล่าวหาของดีเอสไอก่อนว่าเป็นอย่างไร แต่กระแสข่าวที่ออกมาวันนี้ตนกลับเป็นจำเลยสังคม โดยเฉพาะโซเชียล สื่อวันนี้ทำให้ตน สถาบันตนกลายเป็นผู้ร้าย ให้ความ ผมยืนเลยว่า ผมต่อสู้กระทรวงการยุติธรรมมาตลอด กล่าวหาใครก็ให้โอกาสแก้ตัว กล่าวในทุกเรื่อง
วันนี้ผมจะมาดูหลักฐานทั้งหมด และที่ทางดีเอสไเอขอหมายศาลอาญาทุจริตประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งศาลชี้ว่าผมทุจริต ไม่ได้ชี้ว่ เป็นคดีอาญา ว่า ผมไปฆ่าใคร แต่ 6 ข้อหา กลับจูงไปว่า ผมทำร้ายร่างกาย ทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต วันนี้จะมาดูว่าการแจ้งข้อกล่าวหาเป็นเรื่องอะไรบ้าง”นายชัยวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย