สรรพสามิต ปรับภาษียาเส้น ช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะปลูกและผลิตยาเส้น
สรรพสามิต ปรับภาษียาเส้น ช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะปลูกและผลิตยาเส้น
นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี ในฐานะรองโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังโดยกรมสรรพสามิตเสนอให้มีการพิจารณาปรับลดอัตรายาเส้นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราภาษียาเส้น เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 จากอัตราเดิม 0.005 บาท/กรัม เป็นอัตรา 0.10 บาท/กรัม โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1) ปรับลดอัตราภาษีตามปริมาณสำหรับเกษตรกรผู้เพาะปลูก หั่นและจำหน่ายและผู้ผลิตรายย่อยที่มีปริมาณการผลิตเฉลี่ยไม่เกิน 12,000 กิโลกรัมต่อปี ให้เสียภาษีในอัตรา 0.025 บาทต่อกรัม สำหรับจำนวนยาเส้นที่เกิน 12,000 กิโลกรัมต่อปี ให้เสียภาษีในอัตรา 0.10 บาท ต่อกรัม ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวกำหนดให้มีระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 ถึง 31 ธันวาคม 2563โดยหากพ้นกำหนดในช่วงเวลาดังกล่าวต้องเสียภาษีในอัตรา 0.10 บาทต่อกรัม โดยจากฐานข้อมูลการชำระภาษียาเส้น ปีงบประมาณ 2562 พบว่า จากผู้ผลิตยาเส้นที่เป็นเกษตรกรและผู้ผลิตรายย่อยที่ผลิตได้เกิน 12,000 กิโลกรัมต่อปี จำนวนเพียง 15 ราย จากทั้งหมด 10,450 ราย โดยทั้ง 15 รายเป็นผู้ผลิตที่อยู่ในจังหวัดหนองคาย เพชรบูรณ์ และชัยภูมิ ในการลดอัตราภาษีสำหรับกรณีดังกล่าวนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะปลูกและผลิตยาเส้น รวมถึงผู้ผลิตยาเส้นรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราภาษีดังกล่าว ให้สามารถปรับตัวรองรับกับนโยบายของรัฐบาลด้านสาธารณสุขในการลดการบริโภคยาสูบและยาเส้นในอนาคต
2) ดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติม โดยปรับแก้ไขการได้รับสิทธิเสียภาษีในอัตรา 0 ให้รวมถึงผู้ค้าคนกลางเพื่อขายเป็นวัตถุดิบให้แก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบ
3) กรมสรรพสามิตได้มีการประกาศเรื่อง ขยายกำหนดเวลาในการทำบัญชีและงบเดือนและการยื่นงบเดือนแก่ผู้ประกอบการยาสูบประเภทยาเส้นที่ปลูกและหั่นเอง เพื่อขายเป็นวัตถุดิบให้แก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบซึ่งเสียภาษีในอัตราศูนย์ ทั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดภาระของเกษตรกรและเน้นการอำนวยความสะดวกให้กับเกษตรกรรายย่อย