สรุปดราม่า นศ.ธรรมศาสตร์ลาออกพรรคโดมปฏิวัติ เซ่นข้อกล่าวหาข่มขืนสาว
นศ.ธรรมศาสตร์ลาออก พรรคโดมปฏิวัติ เซ่นข้อกล่าวหาข่มขืนสาว
โดมปฏิวัติ – กลายเป็นดราม่าร้อนในวงการศึกษาและพรรคการเมืองนักศึกษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังมีแอคเคาต์ในโลกออนไลน์แฉว่า มีหญิงสาวคนหนึ่งโดนหนึ่งในสมาชิกพรรคโดมปฏิวัติข่มขืน ซึ่งประเด็นร้อนดังกล่าวสามารถสรุปได้ดังนี้
1.เรื่องเริ่มจากในทวิตเตอร์เกิด #จับโป๊ะโดมปฏิวัติ ทวีตข้อความโยงไปยังเว็บไซต์สนทนาหนึ่งที่แฉว่า นักศึกษาสาวคนหนึ่งโดนนักศึกษาหนุ่มร่วมสถาบัน หนึ่งในสมาชิกพรรคโดมปฏิวัติข่มขืน ด้วยการรมอมกัญชาฝ่ายหญิง ก่อนลงมือก่อเหตุ ทว่าเมื่อหญิงสาวไปแจ้งทางพรรค กลับไม่มีการดำเนินการอะไร โดยในการแฉมีการแคปหลักฐานเป็นบทสนทนาระหว่างผู้ก่อเหตุกับผู้เสียหาย โดยมีตอนหนึ่งของผู้ก่อเหตุระบุว่าตนข่มขืนผู้เสียหาย
2.ต่อมาเรื่องเริ่มกระพือเป็นขยายรับรู้ในวงกว้าง นักศึกษาชายผู้ถูกกล่าวหาว่าก่อเหตุได้ออกมาชี้แจงว่า ทั้งคู่เป็นแฟนกัน และตอนคบกันพรรคโดมปฏิวัติยังไม่ได้ตั้งขึ้น ทุก ๆ ครั้งก่อนมีเพศสัมพันธ์ตนจะขอก่อน แต่มีครั้งหนึ่งที่หญิงสาวปฏิเสธ แต่ตอนรบเร้าจนเธอยินยอม โดยปราศจากการใช้กำลังข่มขู่ใด ๆ ทั้งสิ้น เนื้อความมีดังนี้
“สวัสดีครับ ผมเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็น ‘สมาชิกพรรคโดมปฏิวัติที่เป็น”นักข่มขืน” ซึ่งก่อนอื่นเลย ต้องขอโทษ @พรรคโดมปฏิวัติ และสมาชิกพรรคที่มาเดือดร้อนจากเรื่องส่วนตัวผม อยากให้ทุกคนที่ได้อ่านโพสต์นี้แยกเรื่องผมออกจากเรื่องพรรค เพราะพรรคไม่ได้รับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น เนื่องจากตอนที่ผมคบหากับผู้ที่กล่าวหาผมนั้น พรรคโดมฯยังไม่ตั้งขึ้นเลยด้วยซ้ำ
และผมก็ไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวนี้กับใครในพรรคด้วย ดังนั้นถ้าผมถูกสอบสวนแล้วว่าผิดจริง ก็ให้โทษผม ไม่เกี่ยวกับพรรคและสมาชิกพรรค และผมได้ถูกสั่งพักงานในพรรคจนกว่าผลสอบสวนจะออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
#ในความจริง สิ่งที่เกิดขึ้นก็ คือ บุคคลที่ว่านั้นเป็นแฟนเก่าผม เคยคบหากันเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ซึ่งการที่เขากล่าวหาว่าผม #ข่มขืน ในระหว่างที่คบกันเราก็มี พศพ. กันตามคู่รักปกติ
ทุกๆครั้งก่อนการมีเพศสัมพันธ์ ผมจะขอ consent ก่อนทุกครั้ง ว่าเขามีความยินยอมให้ผมมีเพศสัมพันธ์ด้วยหรือไม่
แต่มีครั้งหนึ่งที่ผมได้ขอความยินยอมจากเขา แต่ครั้งแรกเขาปฏิเสธ สักพักผมจึงถามเขาเรื่อยๆ จนเขายินยอม โดยปราศจากการใช้กำลังข่มขู่ใดๆทั้งสิ้น
ซึ่งส่วนนี้ผมผิดเองที่ผมไม่ได้นึกถึงอีกฝ่าย สิ่งที่ผมทำคือการอาศัยสถานะความเป็นแฟนเพื่อขอให้เขายอมมีเพศสัมพันธ์กับผมในที่สุด
แต่ตอนนั้นผมคิดว่าผมทำได้ เพราะผมถามเขาแล้วเขาให้ยินยอมแล้ว แล้วผมเข้าใจว่าเขาเต็มใจ ซึ่งหลังจากนั้นเขาไม่เคยพูดว่าเขาไม่โอเค จนกระทั่งเลิกรากัน
หลังจากที่เลิกรากันไป ในช่วงแรกผมยังรักและต้องการให้เรากลับมาคบหากัน และเขาได้ต่อว่าผมว่าผมข่มขืนเขา ผมรู้สึกน้อยใจ จึงใช้คำพูดที่ประชดประชันเขา ว่าผมข่มขืนเขา แต่แท้จริงแล้วเป็นการพิมพ์เพื่อประชดและอยากให้เขาสนใจ เป็นการเล่นตามบท เออออไปตามเขาด้วยอารมณ์น้อยใจที่ปราศจากเหตุผล ซึ่งส่วนนี้เขาใช้โจมตีผมว่าผมข่มขืนเขาตามที่เขาโพส
สุดท้ายนี้ ผมยินดีเข้าสู่กระบวนการสอบสวนทั้งหมด ซึ่งกระบวนการสอบสวนนี้จะเป็นการสอบสวนจากคณะกรรมการกลางที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคโดมปฏิวัติเป็นหลัก
เพื่อวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงที่กล่าวอ้าง ถ้าหากผลการวินิจฉัยออกมาว่าผมมีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราจริง ผมยอมรับผลนั้นทั้งหมด
ผมยึดถือคุณค่าเรื่องการข่มขืนว่าเป็นสิ่งที่ผิดมาโดยตลอด (ซึ่งที่ผ่านมาผมไม่ได้ตระหนักหรือเข้าใจผิดว่าผมทำได้ ) ถ้าหากผมผิดจริง ผมยอมรับผลนั้นตามที่ได้กล่าวไปครับ”
3. หลังมีคำชี้แจงของฝ่ายชาย ฝ่ายหญิงได้ออกมาตอบโต้กลับดังนี้ (ที่มา)
4. พรรคโดมปฏิวัติ ได้ออกแถลงการณ์ 2 ฉบับ ระบุว่า การข่มขืนเป็นเรื่องน่ารังเกียจ และ จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อที่จะสืบสวนเรื่องดังกล่าว โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญจากกองกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิสตรี เข้าร่วมสอบสวนเหตุในครั้งนี้
5. วันที่ 29 กันยายน นศ.ชายผู้ถูกกล่าวหาระบุว่า ต้องการแถลงต่อสาธารณชนว่า พร้อมจะเข้าสู่กระบวนการสอบสวนต่าง ๆ ที่ผู้กล่าวหาจะเลือกมา เพื่อให้ทุกคนได้รับรู้เรื่องนี้อย่างเคลียร์ที่สุด เป็นธรรมต่อทุกฝ่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเบื้องต้นจะถูกสอบสวนจาก 2 หน่วยงาน คือกองกิจการนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และกลุ่มนักกิจกรรมประชาธิปไตย
6. วันที่ 30 กันยายน ผู้ถูกกล่าวหาประกาศลาออกจากพรรคโดมปฏิวัติ มีเนื้อหาว่า
“ประกาศ : ว่าด้วยการลาออกจากพรรคโดมปฏิวัติ
เนื่องจากประเด็นที่ผมถูกกล่าวหาจากแอคเคาท์หนึ่งในโลกโซเชียล ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้เปิดเผยตัวว่าเขาเป็นใคร ?
โดยประเด็นดังกล่าวถูกจุดขึ้นมาในวันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ.2562 ซึ่งเป็น 2 วันหลังจากที่พรรคโดมปฏิวัติ ชนะเลือกตั้ง และ เรื่องนี้ถูกนำไปโหนกับกระแสของพรรคโดมปฏิวัติ เกิดเป็นการถกเถียงมากมายในโลกออนไลน์ขึ้น
ซึ่งได้มีการกล่าวหาไปยังพรรคโดมปฏิวัติว่า “ปกป้องคนทำผิด” แม้ว่าผมจะถูกพรรคโดมปฏิว้ติสั่งพักงานแล้วจนกว่าจะมีผลการสอบสวนจากองค์กรภายนอก องค์กรใดองค์กรหนึ่ง เพื่อให้มีการพิสูจน์ว่าใครผิดจริง อย่างโปร่งใสตามกระบวนการ ซึ่งตอนนี้น่าจะเป็นกองกิจฯ ของมธ. (เพราะได้ติดต่อไว้แล้ว) และจะตามมาด้วยการสอบสวนจากองค์กรอื่น ๆ อีก
ผมจึงคิดว่าคงรอจนเสร็จสิ้นกระบวนการพิสูจน์ความจริง ไม่ได้ และ สมาชิกพรรคคนอื่น ๆ ที่ไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย จะต้องเดือดร้อนกับกระแสโจมตีดังกล่าว
ผมจึงขอประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคโดมปฏิวัติ นับตั้งแต่วันนี้ (30 ก.ย. 62)อย่างเป็นทางการ”
7. ทั้งนี้เรื่องราวทั้งหมดยังไม่ได้ดำเนินการสู่กระบวนการฟ้องร้องทางกฎหมาย ดังนั้นจึงยังไม่ได้พิสูจน์จนกระจ่างแจ้งว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ยังเป็นเพียงการรวบรวมข้อมูลจากทั้ง 2 ฝ่ายเท่านั้น